Heart Beat สื่อสารตัวตนด้วยนวัตกรรมและรสชาติความอร่อย
เรารู้จักลูกอมสื่อรักรูปหัวใจแบรนด์ “ฮาร์ทบีท” มานานกว่า 30 ปี ด้วยความหอมหวานของลูกอมและคำทำนายใต้กระดาษห่อลูกอมฮาร์ทบีทที่สามารถครองใจเด็ก ๆ และวัยรุ่นได้เสมอมา
ในยุคปัจจุบันมีแบรนด์ขนมและลูกอมมากมายเข้ามาแชร์รายได้และพื้นที่ทางการตลาด
คำถามสำคัญจึงเกิดขึ้นว่า “ฮาร์ทบีทจะใช้กลยุทธ์ใดในการเติบโตให้มากกว่าที่เป็นอยู่และยั่งยืน”
สมัยก่อนธุรกิจขนมและลูกอมมีเพียงไม่กี่แบรนด์แต่ตอนนี้มีแบรนด์ทั้งในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้อัตราการเติบโตในประเทศไม่มากนัก การรักษาส่วนแบ่งการตลาดก็เป็นเรื่องที่ลำบากขึ้น
ในฐานะทายาทรุ่นที่ 2 ที่เข้ามาดูแลด้านการบริหารเต็มตัวของแบรนด์ฮาร์ทบีท ‘จิตราภา อังคเศกวิไล’ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เยเนอรัลแคนดี้ จำกัด เธอมองว่าปัจจุบันเป็นยุคของผู้บริโภคที่มีทางเลือกมากขึ้น
เช่นเดียวกับเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปเน้นด้านสุขภาพและไลฟ์สไตล์ เมื่อก่อนทุกคนชอบเหมือน ๆ กันหมด ทั้งสไตล์การแต่งตัว ความชอบ แต่ทุกวันนี้มีสไตล์เป็นของตัวเอง มีเอกลักษณ์ และที่สำคัญต้องดูดี
เพราะฉะนั้นจะเห็นว่าผลิตภัณฑ์ลูกอมหลายแบรนด์ได้เพิ่มมูลค่าด้วยการเพิ่มสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ปรับลดจำนวนแคลอรี่ให้ต่ำลง และทำรสชาติให้ดี บางแบรนด์มีการเพิ่มลูกเล่นที่บรรจุภัณฑ์ให้น่ารัก เก๋ไก๋ มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ( Identity) มากยิ่งขึ้นเพื่อการจดจำ ฮาร์ทบีทก็เน้นสิ่งเหล่านี้เช่นกัน
ของดีอยู่ได้นาน
ฮาร์ทบีทเน้น ‘คุณภาพและรสชาติ‘ เป็นกลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจมาตลอด ส่วนผสมทุกอย่างต้องมีคุณภาพ สินค้าที่ผลิตต้องผ่านมาตรฐานปลอดภัยต่อผู้บริโภค และอร่อย คุณจิตราภากล่าวกับเราถึงหลักคิดและวิธีการดังกล่าว “ของดี อร่อย ถึงจะอยู่ได้ เราตั้งใจจะขายสินค้าระยะยาวและสร้างแบรนด์ ฮาร์ทบีทมีมานานกว่า 30 ปีแล้ว เราถูกปลูกฝังมาโดยตลอดว่าอาหารสำคัญที่สุดคือ ต้องอร่อยและคุณภาพดี ส่วนประโยชน์เพิ่มเติมก็เป็นไปตามความต้องการของผู้บริโภคตามเทรนด์ในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งตอนนี้ก็เป็นเรื่องสุขภาพ แต่จริง ๆ ผู้บริโภคที่รับประทานลูกอมประเภทนี้ก็จะไม่ได้เน้นเรื่องสุขภาพสักเท่าไหร่ แต่ทานเพราะอยากทานค่ะ”
สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาก็คือนวัตกรรมใหม่ ๆ จากเดิมที่มีแค่ฮาร์ทบีทลูกอมที่มีคำทำนายข้างใน ต่อมาจึงได้คิดค้นผลิตฮาร์ทบีทเม็ดใหญ่ขึ้นในชื่อ ‘ฮาร์ทบีทจัมโบ้’ วางขายในเซเว่นอีเลฟเว่นและห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เพิ่มการสอดไส้ซึ่งบางรุ่นมีส่วนผสมของน้ำผลไม้และวิตามินซี
ฮาร์ทบีทมีรสใหม่ ๆ ออกมาทุกปี เพื่อสร้างความแปลกใหม่ นอกจากนี้ฮาร์ทบีทยังแตกแบรนด์ใหม่ชื่อ ‘ฮาร์ทบีท Corazon’ และ ‘ฟริทซี (Frit-C)’ เป็นสินค้ากลุ่มฟรุ๊ตกัมมี่ (Fruit Gummy) เพราะผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศได้หันมานิยมขนมเคี้ยวหนึบประเภทกัมมี่มากขึ้น
“ผลิตภัณฑ์ใหม่ของเราจะเน้นเรื่องนวัตกรรมและส่วนผสมจากธรรมชาติมากขึ้น ลดปริมาณส่วนผสมของน้ำตาลให้น้อยลง ซึ่งเราได้พัฒนาสินค้าใหม่ ‘Fruit Snacks’ ที่มีพัฒนามาหลายปีแล้ว เพื่อรองรับเทรนด์อาหารประโยชน์ แคลอรี่ต่ำ รสชาติดี ปัจจุบันได้เริ่มมีการส่งออกไปยังต่างประเทศ หรืออย่างสินค้าฟรุ๊ตกัมมี่เองก็จะไม่ได้ทำจากน้ำตาลทั้งหมดเหมือนลูกอม ส่วนลูกอมเราก็มีการพัฒนาสูตรที่ใช้ปริมาณน้ำตาลน้อยลงแต่ยังคงรสชาติที่ดีไว้”
ลูกอมฮาร์ทบีทเมื่อแกะกระดาษห่อลูกอมออกมา ปัจจุบันยังมีข้อความให้อ่าน ซึ่งข้อความจะถูกเปลี่ยนทุกปี เพื่อสร้างประสบการณ์ด้านความรู้สึกให้ผู้บริโภคผ่านผลิตภัณฑ์
วันวาเลนไทน์เป็นเทศกาลที่ฮาร์ทบีทจะได้รับความนิยมเป็นพิเศษ ฮาร์ทบีทจึงจัดกิจกรรมทางการตลาดทุกปี แต่เมื่อหมดวาระของเทศกาล ฮาร์ทบีทก็ยังสร้างกิจกรรมต่าง ๆ กับผู้บริโภค โดยเน้นไปที่กลุ่มผู้บริโภคหลัก เด็ก และวัยรุ่น รวมทั้งกิจกรรมร่วมกับผู้ค้าปลีกและโมเดิร์นเทรดอย่างต่อเนื่อง
ทำให้ต้นปีที่ผ่านมาจึงได้เห็นกิจกรรม Music Marketing เช่นที่ฮาร์ทบีทพาลูกค้าไปดูคอนเสิร์ตศิลปิน ‘ดงบังชินกิ’ พร้อมทั้งท่องเที่ยวถึงประเทศญี่ปุ่น นอกเหนือจากกิจกรรมโรดโชว์ในประเทศ และออกงานแสดงสินค้าที่ต่างประเทศอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้งนั่นเอง
โฟกัสตลาดโลก
ปัจจุบันตลาดหลักของเยเนอรัลแคนดี้ คือตลาดส่งออก คิดเป็นสัดส่วน 60% ส่งออกสินค้าไปยัง 40 กว่าประเทศ ซึ่งฮาร์ทบีทนั้นเป็นแบรนด์ลูกอมนำเข้าเบอร์ 1 ในประเทศอินเดีย
จนกระทั่งเมื่อ 3 ปีที่แล้วทางลูกค้าได้ขอซื้อใบอนุญาตผลิตสินค้าแบรนด์ฮาร์ทบีทในอินเดีย และในปลายปีนี้ลูกค้าได้ขอซื้อใบอนุญาตผลิตสินค้าฮาร์ทบีทที่แอฟริกาใต้เพิ่มอีกประเทศหนึ่งด้วย
นอกจากแบรนด์ฮาร์ทบีทที่เรารู้จักกันดีแล้ว เยเนอรัลแคนดี้ยังมีแบรนด์ขนมและลูกอมอีกมากมายส่งออกไปยังต่างประเทศ มีบางประเทศต้องออกสินค้าไฟท์ติ้งแบรนด์ขายในตลาดเดียวกัน
“เนื่องจากเทรนด์ตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้วนิยมสินค้าประเภทกัมมี่มากกว่าลูกอม ทางเราจึงต้องเน้นตัวฟรุ๊ตกัมมี่มากกว่าตลาดในประเทศ แม้แต่ขนมที่เป็น fruit flavor ที่ไม่ได้มีส่วนผสมมาจากธรรมชาติหรือผลไม้แท้ก็ได้รับความนิยมลดลงมาก ผู้ผลิตต่างพากันผลิตสินค้าเน้นส่วนผสมธรรมชาติกันหมด สำหรับประเทศไทยการรับรู้ของผู้บริโภคยังคิดว่าธรรมชาติคือเรื่องสมุนไพร คาดว่าอีกไม่นานเทรนด์นี้ต้องได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในประเทศเช่นเดียวกัน” จิตราภาให้ความเห็น
“ในเมื่อภาพรวมตลาดลูกอมในไทยเติบโตไม่มากและตลาดมีการแข่งขันสูง การเน้นตลาดต่างประเทศที่มีโอกาสขยายได้อีก ทางเราเล็งเห็นว่าน่าจะเป็นแนวทางที่จะเติบโตได้ดีกว่า”
จากความคิดเห็นที่คุณจิตราภาได้ให้ไว้เป็นไอเดีย เชื่อว่าหลังจากนี้เราคงจะได้เห็นฮาร์ทบีทและแบรนด์ต่างๆ ในร่มเงาของเยเนอรัล แคนดี้ ทำกิจกรรมทางการตลาดรูปแบบต่าง ๆ มากขึ้น เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และโอกาสในทางการตลาดที่มากขึ้น เราหวังว่าฮาร์ทบีท ลูกอมรูปหัวใจของไทยจะสามารถฉวยโอกาสในกระแสนี้ผลักดันตนเองก้าวขึ้นเป็นแบรนด์ลูกอมอันดับหนึ่งในอาเซียนได้ในอนาคต
Text : Rujjie