B-Blanc ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บุกตลาดธุรกิจความงามของสาวไทย
Brand Communication
B-Blanc
ผลิตภัณฑ์คุณภาพ บุกตลาดธุรกิจความงามของสาวไทย
ยิ่งนับวันตลาดเครื่องสำอางยิ่งเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูงขึ้นทุกที ด้วยมูลค่าตลาดรวมที่มากกว่าหนึ่งแสนล้านบาท ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจชะงักงันก็ไม่มีผลต่ออัตราการเติบโตของตลาดนี้ซะด้วย เราจึงเห็นแบรนด์เครื่องสำอางใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งแบรนด์ที่นำเข้าจากต่างประเทศและผลิตเองในประเทศ
B-Blanc (บี บลอง) ถือเป็นอีกหนึ่งแบรนด์หน้าใหม่ที่เพิ่งก้าวเข้ามาในตลาดเมื่อต้นปี 2557 ที่ผ่านมา
แต่ถึงแม้จะเป็นแบรนด์น้องใหม่ แต่ก็ออกตัวแรงด้วยอัตราการเติบโตที่ดี ด้วยคุณภาพ นวัตกรรม รวมถึงวิธีการทำตลาดที่น่าสนใจ
เริ่มต้นตั้งแต่ชื่อแบรนด์ เกิดจากความต้องการของหญิงสาวชาวเอเชีย โดยเฉพาะคนไทยที่นิยมผิวขาว ชื่อ B-Blanc จึงถูกเลือกขึ้นมาเพื่อสื่อถึงความหมายนี้ โดย B คือ Being และ Blanc ในภาษาฝรั่งเศสมีความหมายว่า ‘ขาว’ นั่นเอง
เมื่อมีความคิดที่จะทำผลิตภัณฑ์สกินแคร์เกรดพรีเมียมสำหรับคนไทย ต้นทางการผลิตที่ดีจึงเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญ ซึ่งในปัจจุบันถ้าเอ่ยถึงนวัตกรรมเครื่องสำอางล่ะก็ เราคงต้องหันไปมองที่เกาหลีใต้เป็นที่แรก B-Blanc จึงนำเข้าผลิตภัณฑ์จากโรงงานที่ได้มาตรฐาน Cosmetic GMP, KFDA, ISO 9001:2008, ISO14001:2004 ของประเทศเกาหลี
โรงงานดังกล่าวมีทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างนวัตกรรมเครื่องสำอางอยู่ตลอดเวลา ส่วนผสมสำหรับการผลิตทุกครั้งต้องมีการตรวจเช็คก่อนว่าเป็นส่วนผสมที่ได้มาตรฐานหรือไม่ เมื่อผลิตเสร็จยังต้องนำเข้าแล็บตรวจสอบอีกครั้งก่อนบรรจุในแพคเกจที่ลอกเลียนแบบได้ยาก ลูกค้าจึงมั่นใจว่าสินค้าที่ได้รับไปนั่นเป็นของแท้แน่นอน
B-Blanc จึงเป็นผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่เหมาะกับคนไทย เพราะเป็นสูตรที่คิดค้นมาสำหรับคนเอเชียโดยเฉพาะ ซึ่งทุกสูตรตอบโจทย์สิ่งที่คนไทยต้องการ นั่นก็คือความกระจ่างใสและลดเลือนริ้วรอยให้ดูอ่อนวัยอยู่เสมอนั่นเอง
ทั้ง 5 ผลิตภัณฑ์ที่ B-Blanc มีในปัจจุบัน คือนวัตกรรมคุณภาพจากเกาหลี ไม่ว่าจะเป็น ‘COLOR COMBO CREAM SPF 49 PA++’ ที่เป็นทั้งรองพื้นและครีมกันแดดในขั้นตอนเดียว มีเทคโนโลยี ‘COLOR CHANGE CAPSULE (แคปซูลเปลี่ยนสี)’ ช่วยปรับสีผิวที่มัวหมอง ให้เนียนเรียบ สม่ำเสมอทั่วทั้งหน้า
ผลิตภัณฑ์ที่สองคือ ‘Snail Recovery Cream’ ที่ส่วนผสมของสารสกัดจากเมือกหอยทากมากถึง 20% ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพ เร่งสร้างเซลล์ผิวใหม่ และผลิตภัณฑ์ที่ได้รับเสียงตอบรับที่ดีที่สุด
ผลิตภัณฑ์ที่สามคือ ‘SYN-AKE Intensive Wrinkle Care Cream’ หรือที่รู้จักคือครีมพิษงู ที่มีสารสังเคราะห์ SYN-AKE ซึ่งเลียนแบบโครงสร้างการทำงานของโปรตีน Polypeptide ที่พบในพิษงู ช่วยลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ ทำให้ผิวหนังเรียบตึงขึ้น
ผลิตภัณฑ์ที่สี่คือ Water Plus Cream ครีมที่เติมน้ำให้ผิว ช่วยกักเก็บความชุ่มชื่นยาวนานตลอดทั้งวัน
และตัวสุดท้ายคือ Pore Deep Cleansing Oil เป็นน้ำมันล้างหน้าสูตรผสมโสมแดง เมื่อโดนน้ำจะแปรสภาพเป็นโลชั่นน้ำนม ทำความสะอาดได้อย่างล้ำลึก
เมื่อมีสินค้าที่ดีอยู่ในมือแล้วก็มาถึงขั้นตอนการบุกตลาด โดยกลุ่มเป้าหมายที่ทางแบรนด์วางไว้ก็คือสาว ๆ วัยทำงานอายุ 25-45 ปี ผู้ต้องการสินค้าบำรุงผิวคุณภาพดี และมักจะซื้อสินค้าเหล่านี้ที่เคาท์เตอร์ของแบรนด์เครื่องสำอางชื่อดังตามห้างสรรพสินค้า
อีกกลุ่มก็คือกลุ่มชอบใช้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ดี มีคุณภาพ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นแบรนด์เนมชื่อดัง ทั้งยังกล้าที่จะลองของใหม่
และกลุ่มสุดท้ายคือสาว ๆ ที่ชอบทดลองผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ลองใช้ตั้งแต่เครื่องสำอางราคาหลักร้อยที่หาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อ ไปจนถึงสินค้าพรีเมียมราคาหลักพันนั่นเอง
ส่วนภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่ B-Blanc เลือกใช้ในการสื่อสารการตลาดก็คือสกินแคร์สำหรับสาวยุคใหม่ที่มีความมั่นใจในตัวเอง ทั้งยังเป็นคนที่ใส่ใจและดูแลตัวเองให้สวยและดูดีอยู่เสมอ โดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพแบบไม่ยึดติดกับเรื่องของแบรนด์เนมนั่นเอง
อย่างไรก็ตามแม้สาวไทยจะค่อนข้างเปิดใจ แต่ก็ต้องการความเชื่อมั่นใจสินค้าระดับหนึ่งก่อน เพราะในปัจจุบันมีเครื่องสำอางที่ไม่ปลอดภัย มีสารต้องห้ามและไม่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) อยู่มาก
B-Blanc จึงสร้างการรับรู้และความมั่นใจให้กับลูกค้าด้วยการออกบูธในสถานที่ที่มีกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นอาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า และศูนย์การค้า เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นสินค้าสม่ำเสมอ และได้ทดลองใช้แบบใกล้ชิด
เมื่อสร้างการรับรู้ให้เกิดแก่ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายหลัก จนเกิดเป็นกระแส Word of Mouth ได้แล้ว ในส่วนของช่องทางการขาย B-Blanc ได้ใช้วิธีการแบบเดินเกมข้างนอกห้างสรรพสินค้ามาเป็นเครื่องมือการกระจายสินค้าที่มีประสิทธิภาพ นั่นคือการขายผ่านตัวแทนจำหน่าย คอลเซ็นเตอร์ การสั่งซื้อออนไลน์ รวมถึงวางขายในศูนย์เครื่องสำอางต่าง ๆ
นอกจากนั้น B-Blanc ยังใช้วิธีการสื่อสารแบรนด์ผ่านการลงโฆษณาตามสื่อนิตยสารต่าง ๆ และส่งผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าได้ทดลองใช้ รวมถึงให้ บิวตี้ บล็อกเกอร์ตามเว็บไซต์ต่าง ๆ ได้ลองใช้ ซึ่งเหล่าบล็อกเกอร์ต้องใช้เวลาทดลองอย่างน้อย 4 สัปดาห์ก่อนที่เราจะได้เห็นรีวิวกันจริง ๆ
และล่าสุดวิธีที่สร้างการรับรู้ให้กับลูกค้าได้เห็นผลชัดเจนที่สุด เมื่อ B-Blanc เป็นสปอนเซอร์ในซีรีส์ชุด ‘สงครามนางงาม’ อันเป็นเรื่องราวการประกวดนางงามที่ต้องบำรุงผิวก่อนแต่งหน้า ซึ่งตรงกับคอนเซปท์ของสินค้าพอดิบพอดี
เราจึงได้เห็นตัวละครใช้สินค้าในขั้นตอนการเตรียมผิวหน้าให้สวยก่อนการแต่งหน้า เป็นวิธีการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและประสบความสำเร็จอย่างมาก
ทำให้เพียงระยะเวลาไม่ถึงปีแบรนด์ B-Blanc เป็นที่รู้จักและน่าเชื่อถือมากขึ้น ลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าไปมีการซื้อซ้ำ เพราะผลิตภัณฑ์ที่ซื้อไปใช้ได้ผล และทำให้เกิดความมั่นใจ
ในปีนี้ B-Blanc มีแผนจะขยายเข้าสู่กลุ่มลูกค้าที่ให้ความสำคัญในเรื่อง ‘Anti- Aging’ หรือผู้ที่ต้องการให้ผิวและดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอซึ่งผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะเปิดตัวนี้เป็นสูตรพิเศษที่ใส่ส่วนผสมที่เป็นยาอายุวัฒนะของพระราชาของเกาหลีในอดีต และรัฐบาลเกาหลีได้ให้การสนับสนุนในการคิดค้นสูตรเครื่องสำอางนี้ด้วยงบประมาณกว่า 1,300 ล้านวอน หรือ 40 ล้านบาท
การเปิดตัวครั้งนี้จะสามารถสร้างความฮือฮาและความน่าเชื่อถือจนเกิดเป็นกระแส Word of Mouth ได้มากน้อยเพียงใด คงต้องรอติดตามวิธีการสื่อสารการตลาดที่น่าจับตามองของแบรนด์ B Blanc ในก้าวต่อ ๆ ไป