“ง่าย” คือ “งาม”
ในชีวิตการทำงานของผมที่ได้มีโอกาสเดินทางไปแบ่งปันและร่วมเรียนรู้กับองค์กรต่าง ๆ ในการบริหารผลงานและการทำระบบประเมินผลงานกับองค์กร สิ่งที่นอกเหนือจากเรื่องการเซ็ตระบบต่าง ๆ เพื่อให้องค์กรนั้น ๆ ได้เติบโตตามความคาดหวังขององค์กรแล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้อย่างมากมาย คือ การได้มีโอกาสทำงานกับผู้คนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายบริหาร ฝ่ายหัวหน้างาน ฝ่ายปฏิบัติการ หลากหลายไปตามตำแหน่งหน้าที่ของแต่ละส่วนงาน ทำให้ผมได้เก็บเกี่ยวเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จาก “การเดินทาง”
“การเดินทาง” ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า เราไม่เคยสูญเสียอะไร ไม่เคยสูญเสียเวลา ไม่เคยสูญเสียโอกาสในการรอคอยบางอย่างจากการเดินทาง
… เราจะไม่ถือสาหาความกับผู้คนมากมายที่เข้ามาในชีวิตของเรา แม้ในบางครั้งคนเหล่านั้นจะทำบางอย่างที่ไม่ถูกกาลเทศะ เพราะเรามีความเข้าใจที่มากขึ้นว่า ผู้คนเหล่านั้นต้องการเวลาที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ จนเข้าใจโลกให้ถ่องแท้มากขึ้น เช่นเดียวกับตัวเราที่คิดว่าในบางเรื่องเราเติบโตแล้วเช่นกัน …
… เราจะไม่ถามคนที่เข้ามาในชีวิตของเราว่า …
ทำไมชอบทานเผ็ด?
ทำไมซื้อของแบรนด์เนม?
ทำไมทำผมสีแดง?
ทำไมทาเล็บสีดำ?
ทำไมชอบดูละครจักร ๆ วงศ์ ๆ?
ทำไม ทำไม และทำไม?
… เพราะเราได้เข้าใจแล้วว่า มันเป็นความชอบส่วนบุคคล มันคือเรื่องปรกติ …
… เราจะไม่ติดกับดักความสำเร็จจนลืมตัว เราจะไม่คร่ำครวญกับความล้มเหลวจนไม่กล้าทำอะไรใหม่ ๆ เพราะเราใคร่ครวญแล้วว่า ทุกสิ่งล้วนธรรมดา ความธรรมดาเป็นธรรมชาติ เราจะเห็นได้ว่ามันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป …
… เราจะเข้าใจว่า จุดเปลี่ยนที่ทำให้ชีวิตดีขึ้น คือ “การเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวของเราเอง เริ่มที่ตัวเราเอง”
“ตัวเราเองต้องขยายภาชนะภายในใจให้ใหญ่ขึ้น ยิ่งภาชนะภายในใจของเราใหญ่มากขึ้นแค่ไหน เราก็จะยิ่งสามารถรองรับสิ่งที่มาตกกระทบภายในจิตใจของเราได้มากขึ้นเท่านั้น”
ในขณะที่เราเป็นคนที่มีความสุขได้ง่ายขึ้นด้วยสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เราก็จะเป็นคนที่เริ่มมีความทุกข์ได้ยากขึ้นด้วยเช่นกัน
… เราต้องปรับทัศนคติภายในใจของเราให้เป็น …
… เราต้องขอบคุณตัวของเราเองที่วันนี้เรายังแข็งแรง …
… เรียนรู้และเข้าใจว่า สุขภาพที่ดี มีค่ามากกว่าเงินตราที่กองไว้เกินความจำเป็น …
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิต เราสามารถเลือกที่จะ “รับ” หรือ เลือกที่จะ “ละ” ได้ด้วยตัวของเราเอง … ทั้งสิ้น
