ภูมิปัญญาจาก ‘สตีฟ จอบส์’ สู่การประยุกต์ใช้ในงานอีเวนท์
คนทั่วโลกต่างรู้กันดีว่า สตีฟ จอบส์ คือบุคคลยิ่งใหญ่ที่สามารถเปลี่ยนโลกได้ด้วยนวัตกรรมไฮเทค และอีกสิ่งหนึ่งที่คนทั่วโลกให้การยอมรับคือสติปัญญาสุดอัจฉริยะในด้านการบริหารจัดการธุรกิจ ที่สะท้อนผ่านวรรคทองในการปาฐกถาครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดเวลาที่เขามีชีวิตอยู่
ในปี 2017 ที่เรากำลังใช้ชีวิตอยู่นี้ เป็นวาระครบรอบ 10 ปีที่ สตีฟ จอบส์ ได้ทำการเปิดตัวไอโฟนเป็นครั้งแรก เพื่อเป็นการเน้นย้ำให้ทุกคนเห็นถึงอัจฉริยภาพของชายผู้นี้ให้ชัดเจน เราจึงได้นำวรรคทองต่าง ๆ ที่สตีฟ เคยได้กล่าวเอาไว้มาตีความออกมาเป็นโนว์ฮาวเชิงบริหารจัดการด้านอีเวนท์ เพื่ออีเวนท์แพลนเนอร์หรืออีเวนท์ออแกไนเซอร์ และผู้อ่านของเราจะได้หยิบภูมิปัญญาเหล่านี้ไปลองประยุกต์ใช้กับงานที่ทำ ส่วนจะมีประโยคใดบ้างนั้น ลองไปดูกัน!
- สิ่งยิ่งใหญ่ไม่เคยถูกสร้างขึ้นด้วยคนคนเดียว แต่มันถูกสร้างขึ้นด้วยการทำงานเป็นทีม
แน่นอนว่าความสำเร็จในการทำอีเวนท์คือสิ่งที่คุณต้องการ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่คุณต้องแบกรับหรือเก็บเครียดไว้กับตัวเพียงคนเดียว โปรดจำไว้ว่าความพยายามในการสร้างอีเวนท์ที่ดีแบบไร้ที่ตินั้นไม่ได้เกิดขึ้นจากความพยายามของคนเพียงคนเดียว แต่มันเกิดขึ้นจากการร่วมแรงร่วมใจทำงานกันแบบทีมที่แข็งแกร่ง ฉะนั้นถ้าคุณเป็นกำลังหลักในการวางแผนงาน หากประสบความสำเร็จก็จงอย่าลืมให้เครดิตกับเพื่อนร่วมงานทุกคนด้วย
- สร้างตัวตนให้เป็นดั่งไม้วัดมาตรฐานด้านคุณภาพ
การจะเป็นอีเวนท์แพลนเนอร์ที่ประสบความสำเร็จนั้น คุณต้องฝึกการประเมินมาตรฐานการทำงานของตัวเองในทุกงานด้วย จนได้ออกมาเป็นสิ่งที่เรียกว่ามาตรฐานการทำงานที่เพื่อนร่วมงาน หรือลูกค้ายอมรับ ซึ่งบรรทัดฐานที่ได้รับการยอมรับนี้จะถูกนำไปใช้วัดมาตรฐานในความพยายามของคนอื่น ๆ ในทีมงานต่อไป
- การออกแบบไม่ใช่แค่การสร้างความรู้สึกชอบเท่านั้น แต่การออกแบบที่ดีต้องสามารถบอกเราได้ว่ามันดี มีประโยชน์อย่างไร
แน่นอนสิ่งที่อีเวนท์แพลนเนอร์ทุกคนอยากจะทำให้เกิดขึ้นในงาน นั่นก็คือ “ความว้าว!” ความน่าตื่นตาตื่นใจ ความเซอร์ไพรส์ แต่ถ้าลูกเล่นเหล่านั้นมีแค่ความน่าตื่นตา แค่ดูแล้วชอบ แป๊บเดียวความรู้สึกตื่นเต้นก็หายไป ดังนั้นการออกแบบงานอีเวนท์ที่ดีนอกจากคุณจะต้องคิดเรื่องเทคนิคเอนเตอร์เทนต่าง ๆ แล้ว ก็ต้องใส่ใจด้วยว่าลูกเล่นแพรวพราวนั้นเกี่ยวข้องอย่างไรกับโจทย์ของงาน และมันดี หรือมีอรรถประโยชน์อย่างไรต่อการรับรู้และความเข้าใจของผู้เข้าร่วมงาน
- ทรัพยากรที่มีคุณค่ามากที่สุด ที่เราทุกคนมีในชีวิตคือ ‘เวลา’
สำหรับคนทำงานในอุตสาหกรรมอีเวนท์ เงื่อนไขของ ‘เวลา’ เป็นทั้งเพื่อนที่แสนดีและเป็นศัตรูตัวร้ายในเวลาเดียวกัน ในหลายครั้งกับงานอีเวนท์ที่ประสบความสำเร็จ ผู้จัดมักจะบอกว่าเราทุ่มเวลาไปกับมันอย่างมากเพื่อลงรายละเอียดให้งานมีความสมบูรณ์แบบมากที่สุด ในทางกลับกันเมื่องานออกมาไม่ดี ก็มักจะได้ยินเสมอว่าเรามีเวลาจำกัดในการคิดสร้างงาน ดังนั้นเมื่อเวลาสามารถสร้างสิ่งที่ดีและร้ายได้ อีเวนท์แพลนเนอร์ที่ดีจึงต้องเรียนรู้ในการให้ความสำคัญกับเวลาที่ผ่านไปแทบจะทุกนาที ว่าจะจัดสรรการใช้อย่างไรให้เกิดประโยชน์มากที่สุด นอกจากจะให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวดกับเวลาในการลงมือทำงานแล้ว ก็ต้องไม่ลืมที่จะสร้างทุกวินาทีให้เป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำแก่ผู้เข้าร่วมงานของคุณด้วย
- ความคิดสร้างสรรค์คือการเชื่อมต่อสิ่งต่าง ๆ เข้าด้วยกัน
อีกหนึ่งภูมิปัญญาของ สตีฟ จ๊อบส์ ที่คนไม่ลืม คือทฤษฎี “การเชื่อมต่อจุด” ซึ่งทฤษฎีนี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับงานอีเวนท์ได้เช่นกัน อีเวนท์แพลนเนอร์ที่เก่งต้องสามารถรวบรวมรายละเอียดต่าง ๆ ทั้งเป้าหมาย วิธีคิด และประสบการณ์ที่ต้องการของลูกค้า มาเชื่อมต่อเพื่อสร้างให้เกิดเป็นอีเวนท์ได้อย่างแนบแน่น พอมาถึงขั้นตอนการทำงาน พวกเขาต้องสร้างสมดุลให้กับภาพใหญ่และเป้าหมายของงาน ระหว่างการทำงานกับทีมงาน ซึ่งต้องสร้างให้ได้ในเวลาเดียวกัน ถ้าจุดเหล่านี้ถูกเชื่อมต่อประสานกันได้แบบไร้ร่องรอยแล้ว การสร้างอีเวนท์ที่ประสบความสำเร็จก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
- ทั้งหมดไม่ใช่เฉพาะแค่คำคมเท่ ๆ
ภูมิปัญญาของ สตีฟ จ๊อบส์ ไม่ได้มีแค่คำคมเท่ ๆ แต่สิ่งหนึ่งที่เขาได้ทำให้เราเห็นก็คือ การสร้าง Personal Branding ที่ดีให้กับตัวเองด้วย ดังเช่นที่เขาทำให้เห็นผ่านการปาฐกถาเปิดตัวสินค้าต่าง ๆ ตลอดเวลาที่เขามีชีวิตอยู่ ซึ่ง สตีฟ จ๊อบส์ นั้นให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวมาก เขาเรียนรู้ผลิตภัณฑ์ของตัวเองอย่างถ่องแท้ คิดค้นหาวิธีการนำเสนอเนื้อหาของสินค้าที่จับใจคนฟัง แม้กระทั่งการเลือกเสื้อผ้าอย่างเสื้อคอเต่าสีดำ กางเกงยีนส์ สวมรองเท้านิวส์บาลานซ์ เขาก็พิถีพิถันอย่างมาก จนทำให้คนทั้งโลกสามารถจดจำแบรนด์ส่วนตัวเชื่อมต่อมไปยังแบรนด์ Apple ได้ในที่สุด
ในความเป็นอีเวนท์แพลนเนอร์ก็เช่นกัน คุณต้องสร้างโอกาสในการแสดงนวัตกรรมของคุณ ต้องสร้างแบรนด์ส่วนบุคคลที่เหมาะสม ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง และต้องไม่กลัวที่จะทำสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น หากคุณทำได้ดังที่กล่าวมา ก็จะทำให้คุณกลายเป็นอีเวนท์แพลนเนอร์ที่โดดเด่นได้ในวงการ อย่างไม่มีข้อกังขา