Himmapan Avatar
หนึ่งในตำนานที่ติดตรึงอยู่ในความคิดเหนือจินตนาการของคนไทยมากที่สุดเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือ ‘หิมพานต์’ ป่ามหัศจรรย์แสนเพริดแพร้ว กว้างใหญ่ งดงาม อันเป็นถิ่นที่อยู่ของเทพยดาชั้นฟ้า ผู้ทรงคุณวิเศษระดับปรมาจารย์ และบรรดาสัตว์มหัศจรรย์นานาชนิด ผู้ที่จะก้าวไปถึงหิมพานต์ต้องเป็นผู้มีอภิญญาญาณขั้นสูง ยากที่มนุษย์ปุถุชนจะเข้าไปได้
ตามตำนานในไตรภูมิพระร่วงเล่าไว้แบบนั้น เอาเป็นว่าคนธรรมดาที่ไม่ได้มีญาณแก่กล้าขนาดนั้น ก็ได้แต่จินตนาการถึงหิมพานต์กันไปตามแต่ที่ตำนานเขียนไว้เท่านั้น
แต่วันนี้จากภาพอัศจรรย์ของหิมพานต์ที่เราได้แต่จินตนาการนั้น ได้ถูกสร้างขึ้นในมิติที่สามารถจับต้องและเข้าถึงได้ด้วยตารวมความรู้สึกทุกโสตประสาท บนพื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตร ที่ชั้น 4 ของห้าง Show DC ในชื่อ “หิมพานต์ อวตาร (Himmapan Avatar)” นาฏลีลาสุดอลังการที่ใครต่างก็พูดถึง ซึ่งผมได้มีโอกาสสัมผัสด้วยตาและความรู้สึกของตัวเองในวันนี้
ก่อนจะไปรีวิวว่ามันเป็นอย่างไร สนุก อัศจรรย์ อลังการงานสร้างพร่างพราวด้วยเทคนิคมากแค่ไหน ผมอยากจะเล่าเนื้อเรื่องของโชว์นี้สักเล็กน้อย
“หิมพานต์ อวตาร” เล่าเรื่องราวการผจญภัยของเทพ สัตว์ในหิมพานต์ และป่าหิมพานต์ที่ถูกอสูรราหูเข้ายึดครอง กดขี่ให้อยู่ใต้อำนาจเป็นเวลาหลายร้อยปี ทุกชีวิตในหิมพานต์ต่างรอวันปลดแอกจากอำนาจชั่วร้าย นั่นคือวันที่ ‘มณีรัตนะ’ จะผุดขึ้นจากสระอโนดาตตามคำพยากรณ์ของเทพเจ้า ซึ่งผู้ครอบครองสามารถขอพรจากอัญมณีศักดิ์สิทธิ์ได้ 3 ประการ
เมื่อถึงวันที่มณีรัตนะผุดขึ้นตามคำทำนาย อัปสรปักษีจึงชวนกบิลปักษาไปอัญเชิญเพื่อนำพลังจากพรสามประการมากอบกู้หิมพานต์ในห้วงเวลาแห่งวิกฤติที่เทพอาทิตย์และจันทราโคจรมาซ้อนทับกัน ซึ่งเป็นเวลาที่เทพทั้งสองอ่อนแอ ทำให้อสูรราหูหมายจะกลืนกินเทพทั้งสองเพื่อครอบครองหิมพานต์อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งหมดจึงเป็นที่มาของศึกมหาเทพที่สั่นสะเทือนเลื่อนลั่นทั้ง 3 โลกภูมิ
นั่นเป็นเนื้อเรื่องคร่าว ๆ แบบไม่สปอยล์ ที่เราพอจะเล่าได้ ส่วนความหมายแฝงหลักก็ล้วนผูกโยงขึ้นจากตำนานความเชื่อตามคติพุทธที่ว่าด้วยการใช้ศรัทธาแห่งความดีเอาชนะความชั่ว ประกอบเข้ากับความคิดในการร่วมแรงร่วมใจให้เป็นหนึ่งเดียวเพื่อฟันฝ่าเอาชนะอุปสรรคอันใหญ่หลวง ตามแบบฉบับพล๊อตหนังทั่วไปที่คุณเห็นได้ในภาพยนตร์
ถึงเนื้อเรื่องอาจจะดูเรียบง่ายในระดับที่ใครก็สามารถเดาได้ แต่องค์ประกอบจัดเต็มที่ทำให้โชว์นี้อลังการมากถึงมากที่สุด สามารถสะกดผู้ชมได้ตลอด 70 นาที นั่นคือเทคโนโลยีด้านภาพและเสียงที่ผู้จัดอย่าง “บริษัท ซีเอ็มโอ โชว์ คอร์ป จำกัด” (บริษัท ซีเอ็มโอ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โชว์ คอร์เปอเรชั่นส์ จำกัด ร่วมทุนกัน) รังสรรค์มาให้ชมกันแบบเต็มอิ่มทุกโสตสัมผัส นับตั้งแต่ซีนการแสดงแรกที่มีนางเงือกพาเราว่ายวนกระแสน้ำไปบนผืนจอภาพขนาดใหญ่ จนพบอัปสรปักษีบินออกมาพาเราล่องไปยังภาพงามตระการตาของฉากป่าหิมพานต์ แค่นี้ก็แทบจะฟินจนน้ำตาไหล บวกกับการแสดงฉากต่อสู้ของโรบอตขนาดใหญ่ทั้งพญานาคและนกปีศาจ การโชว์ร้องเต้นของชนชาวหิมพานต์ รวมถึงเหล่ากบิลปักษี ที่มีความสวยงามตื่นตา ทำให้โชว์มีสีสัน มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ “หิมพานต์ อวตาร” มีความสมบูรณ์แบบจนไร้ที่ติที่เราจะไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นคือการนำเสนอมุมมองแบบ 360 องศา นับเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งผู้ชมจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับบรรยากาศของป่าหิมพานต์ที่โอบล้อมในทุกมิติ เทคโนโลยีการใช้โฮโลกราฟฟิคแบบสมจริงจนรู้สึกจับต้องได้ ผสานเข้ากับการเติมเต็มความบันเทิงให้เหนือระดับมากขึ้นด้วยการใช้เทคนิคแบบ 4D เพื่อเพิ่มอรรถรสในการชม นั่นคือความพิเศษที่ซีเอ็มโอ โชว์ คอร์ปฯ ได้ลงทุนกว่า 800 ล้านบาท เพื่อสร้างโชว์นี้ให้เป็น ‘The Spectacular Walk-Through 4D Experience’ ครั้งแรกในไทยและอาเซียน
70 นาทีผ่านไปอย่างเร้าใจ หลังจากที่อสูรราหูได้ถูกเทพอาทิตย์และจันทราจัดการ ความสงบจึงกลับคืนสู่หิมพานต์อีกครั้ง ก็ถึงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง ในช่วงเวลานี้เองที่คุณจะมีโอกาสได้สัมผัสกับป่าหิมพานต์ และสิงห์สาราสัตว์อภินิหารทั้งไกรสรราชสีห์, เหมราอัสดร, อัสดรเหรา, กรินทร์ปักษา, กินรี, กินนร และอีกหลากหลายชีวิตในป่าแห่งนี้
นี่เป็นเพียงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ในการแสดงจริงยังมีอะไรให้ชมเพื่อนำไปเก็บไว้ในความทรงจำอีกมากมาย ซึ่งบอกได้คำเลยว่าน่าทึ่ง สวยงาม และน่าภาคภูมิใจ ที่คนไทยสามารถสร้างโชว์สุดอลังการได้ไม่แพ้โชว์ใหญ่ใด ๆ ในโลก ทั้งยังสามารถบอกเล่าวัฒนธรรมความเชื่อบนวิถีไทยในภาษาสากลที่ทุกคนต่างยอมรับได้อย่างน่าประทับใจ ขอปรบมือให้จริง ๆ ครับ
เช็คตารางการแสดงหรือสำรองที่นั่งได้ที่
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
www.himmapanavatar.com