Top

INVESTORY : พิพิธภัณฑ์แห่งการลงทุน

INVESTORY : พิพิธภัณฑ์แห่งการลงทุน

หากพูดถึงพิพิธภัณฑ์ เรามักจะนึกถึงการจัดแสดงสิ่งของบางสิ่ง ประกอบไปด้วยคำอธิบายบางอย่างที่เน้นในเรื่องของการอ่าน ซึ่งนั่นไม่ใช่พิพิธภัณฑ์ในยุคปัจจุบันที่มีเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างสรรค์งานรูปแบบต่าง ๆ และในประเทศไทยของเราเองก็มีพิพิธภัณฑ์แบบอินเทอร์แอคทีฟเกิดขึ้นมากมาย หนึ่งในนั้นคือพิพิธภัณฑ์เรียนรู้การลงทุน (Investment Discovery Museum) หรือ INVESTORY ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจัดทำขึ้น และถือได้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์แบบอินเทอร์แอคทีฟที่สมบูรณ์แบบที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย

 

คอนเซปต์เบื้องต้นของพิพิธภัณฑ์ INVESTORY คือต้องการให้ประชาชนทุกเพศทุกวัยสามารถเรียนรู้และเข้าใจเรื่องการออม การลงทุน และกลไกของตลาดทุน ที่มีส่วนส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างสนุกสนานด้วยตนเอง เปลี่ยนความคิดที่ว่าเรื่องการลงทุนเป็นเรื่องยากไปได้เลย เพราะแม้แต่เด็กที่ได้เข้ามายังพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็สามารถสนุกและเรียนรู้ได้เช่นเดียวกัน

INVESTORY ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายต่อความเข้าใจ ด้วยการสื่อสารผ่านคาแรคเตอร์ตัวละคร ‘Money Monster’ และเหล่าฮีโร่ทางการเงินนั่นก็คือ Guardian B, Captain S, Pro M และ Lady D แต่ละตัวละครจะช่วยในการเรียนรู้ของผู้เข้าชมอย่างไร ตามไปดูกัน

เมื่อลงไปยังชั้นใต้ดินของตึกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถนนรัชดาภิเษก จะได้พบกับประติมากรรม ‘กระทิง’และ ‘หมี’ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งกระทิงเป็นตัวแทนสภาวะตลาดที่กำลังคึกคัก ส่วนหมีเป็นตัวแทนสภาวะตลาดที่ซบเซา เป็นประติมากรรมที่ไม่เพียงแค่นำมาตกแต่งอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังสื่อถึงตลาดหลักทรัพย์ที่มีทั้งภาวะตลาดขาขึ้นและขาลงด้วย

เมื่อผ่านไฮไลต์จุดแรกไปแล้ว ผู้เข้าชมต้องลงทะเบียนที่เคาท์เตอร์ด้านหน้าเพื่อรับบัตรที่ใช้เทคโนโลยี RFID สำหรับเก็บข้อมูลในการร่วมกิจกรรมอินเทอร์แอคทีฟต่าง ๆ ภายในพิพิธภัณฑ์ โดยผู้เข้าชมจะต้องใส่ข้อมูลทางการเงินส่วนตัวเบื้องต้นลงไป ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะถูกเก็บไปประมวลผลเพื่อการเก็บออมและลงทุนในชีวิตจริงของเรา

 

เมื่อรับบัตรและลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว ผู้เข้าชมจะต้องเริ่มต้นทำความรู้จักกับ ‘Money Monster’ ซึ่งเป็นตัวแทนของปัญหาต่าง ๆ ทางการเงิน เช่น การใช้จ่ายเงินเกินตัว การไม่รู้จักอดออม สภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ฯลฯ ซึ่งมีทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นจากตัวเราเอง และปัญหาที่เกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอกที่เราควบคุมไม่ได้ จากนั้นก็จะผ่านเข้าสู่ห้องมืดที่มีจอฉายภาพยนตร์แอนิเมชั่นเกี่ยวกับเรื่องราวของเด็กสองคนที่มีความฝันสวยหรูในอนาคต และต้องผจญกับ Money Monster รูปแบบต่าง ๆ จนกระทั่งมีเหล่าฮีโร่ทางการเงินมาช่วยในที่สุด ความน่าสนใจของห้องนี้อยู่ที่เนื้อเรื่องที่น่าติดตาม คาแรคเตอร์การ์ตูนที่น่าสนใจ และเทคโนโลยีการเล่าเรื่องผ่านแท่ง Kinetic ที่ได้นำเทคโนโลยีการเคลื่อนไหวของแท่งวัตถุมาประกอบการฉายแอนิเมชั่นเป็นแห่งแรกในวงการพิพิธภัณฑ์ไทย

 

 เดินต่อไปยังห้องถัดไป เป็นห้องที่บอกประวัติและพัฒนาการของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ดำเนินการมากว่า 40 ปี ผ่านการนำเสนอบนเส้นกราฟดัชนีตลาดหุ้น ซึ่งเปรียบเสมือนชีพจรการเติบโตของเศรษฐกิจไทย รวมถึงการจัดแสดงภาพจิตรกรรมฝาผนังให้ทุกคนตระหนักว่า ‘ทำไมจึงต้องมีตลาดทุน’ เพราะตลาดทุนเปรียบเสมือนตัวกลางระหว่างภาคธุรกิจและภาคประชาชน เมื่อประชาชนลงทุนผ่านตลาดทุน ธุรกิจก็จะสามารถเติบโตได้ และเมื่อธุรกิจเติบโตได้ก็จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศเจริญขึ้น นำไปสู่การพัฒนาเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของภาคประชาชนนั่นเอง

ก่อนหน้านี้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวร้ายทางการเงินของ Money Monster กันไปแล้ว ในห้องถัดไปมีการนำเสนอถึงวิธีจัดการกับ Money Monster โดยในห้องนี้จะมีโปรแกรมช่วยในการคำนวณว่าแต่ละเดือนเราต้องเก็บเงินเท่าไรจึงจะพอต่อความต้องการ ซึ่งหลังจากประมวลผลคุณอาจจะต้องช็อคกับตัวเลขที่ออกมาก็เป็นได้ และตัวช่วยที่จะทำให้เราสามารถจัดการกับ Money Monster และพาเราไปถึงเป้าหมายได้ ก็คือฮีโร่ทั้ง 4 ที่มาเป็นตัวแทนการลงทุนในแบบต่าง ๆ อธิบายแบบสั้น ๆ ได้ว่า

Guardian B ผู้เชี่ยวชาญในตราสารหนี้ (Bond) ซึ่งเป็นการลงทุนแบบสบาย ๆ ภายใต้ความเสี่ยงต่ำแต่รับรายได้อย่างสม่ำเสมอ และได้รับเงินต้นคืนเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการลงทุน ผู้เข้าชมจะได้เล่นเกม The Money Guard เพื่อทำความเข้าใจตราสารหนี้มากขึ้น ยิ่งความเสี่ยงมากก็ยิ่งมีโอกาสได้รับผลตอบแทนมากขึ้นตาม แต่ก็ต้องทำใจยอมรับเมื่อมีอุปสรรคมากระทบ เป็นต้น

Captain S ผู้เชี่ยวชาญในหุ้น (Stock) ซึ่งเป็นการลงทุนที่มีโอกาสเติบโตพร้อมกับกิจการ หรือเปรียบเสมือนเป็นเจ้าของกิจการเองด้วย ในด่านนี้จะได้ทำความรู้จักและเรียนรู้ว่าหุ้นคืออะไร ดีอย่างไร และมีเคล็ดลับการลงทุนอย่างไร มีข้อมูลอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้น 5 ปี 10 ปี 20 ปีจากสถิติจริง มีเกม Stock City ให้เล่นซื้อ-ขายหุ้นที่นอกจากจะคำนึงเรื่องพื้นฐานของหุ้นแต่ละบริษัทแล้ว ยังต้องลงทุนให้ถูกจังหวะตามสภาวะตลาดด้วย

Pro M ผู้เชี่ยวชาญกองทุนรวม (Mutual Funds) เป็นการลงทุนโดยพึ่งพามืออาชีพ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนแต่ไม่มีเวลาหรือประสบการณ์ หรืออาจจะมีเงินลงทุนน้อย กองทุนรวมจะช่วยตอบโจทย์นี้ได้ โดยมีมืออาชีพทำหน้าที่ลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้หรือสินทรัพย์ต่าง ๆ แทนเรา ความสำเร็จทางการลงทุนจะขึ้นอยู่กับนโยบายการลงทุนและความสามารถของผู้จัดการลงทุนเป็นหลัก มีกองทุนรวม 3 ประเภทให้เลือก คือกองทุนรวมตราสารหนี้ กองทุนรวมหุ้น และกองทุนรวมผสม

ฮีโร่คนสุดท้ายคือ Lady D เชี่ยวชาญในอนุพันธ์ (Derivatives) เป็นการลงทุนเพื่อป้องกันหรือบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด เป็นเครื่องมือที่เหมาะกับผู้ที่มีธุรกิจที่นอกจากจะช่วยป้องกันการขาดทุนได้แล้ว ยังเป็นการเพิ่มผลตอบแทนได้อีกด้วย ซึ่งการใช้อนุพันธ์จำเป็นต้องติดตามภาวะตลาดอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การซื้อขายได้ทันต่อ

 

 

 

หลังจากทดสอบฝีมือกับเหล่าฮีโร่ทั้ง 4 แล้ว ก็เข้าสู่ห้องพร้อมโปรแกรมจำลองซื้อขายหุ้นที่พัฒนาโดยใช้ข้อมูลของหุ้นที่อยู่ใน SET50 พร้อมข้อมูลบทวิเคราะห์ SET index บทวิเคราะห์และข่าวที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ผู้เล่นได้พบกับประสบการณ์ซื้อ-ขายหุ้นเสมือนจริง เมื่อเล่นเกมนี้จบแล้วอาจจะอยากกลับไปเปิดพอร์ตหุ้นเองเลยก็ได้

 

 

และสุดท้ายกับโซนนิทรรศการหมุนเวียน ซึ่งปัจจุบันจัดแสดงเรื่อง ‘หุ้นส่วนชีวิต หุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย’ เราจะได้เห็นว่าสินค้าหรือบริการที่เราใช้อยู่ในชีวิตประจำวันล้วนเป็นบริษัทที่เปิดให้ซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะทำให้เราเห็นภาพว่าหุ้นตัวไหนที่น่าจับตามองในปัจจุบัน

 

หลังจากได้เยี่ยมชมครบทุกมุมของพิพิธภัณฑ์แล้ว อย่าลืมกดส่งข้อมูลจากการ์ด RFID เข้าอีเมล์ของตัวเองเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการออมและการลงทุนในชีวิตจริงของเรา รับรองว่าหากใครได้มาสัมผัสประสบการณ์ที่นี่ครั้งหนึ่งแล้ว จะต้องหาโอกาสมาเยือนอีกครั้งและอีกครั้ง เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เราสามารถเรียนรู้ได้หลายครั้งโดยไม่เบื่อ เพราะเมื่อเรากำหนดเป้าหมายทางการเงินที่ต่างกัน วิธีการไปถึงยังเป้าหมายก็ย่อมแตกต่างออกไปด้วยเช่นกัน

 

 

 

mkteventmag
No Comments

Post a Comment