Top

Editor’s Talk # 24

Editor’s Talk # 24

ผมจำความรู้สึกอึมครึมตลอดบ่ายของวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม 2559 ได้ดี ท่ามกลางข่าวลือมากมาย หนึ่งทุ่มตรงเวลาแถลงการณ์ของสำนักพระราชวังเกี่ยวกับการสวรรคตของ ‘พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร’ กษัตริย์ผู้ทรงเป็นศูนย์รวมใจ และเป็นพ่อหลวงที่คนไทยทั้งผองต่างเทิดทูน

หลังคำประกาศอันแสนปวดใจสิ้นสุด เป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์อันใหญ่หลวงราวสายฟ้าฟาดลงกลางใจคนไทย ทุกอณูของประเทศไทยได้ถูกความเศร้าเข้าปกคลุมทันที

ภาพแห่งความเงียบงัน บรรยากาศโศกสลด หยาดหยดน้ำตาอาบสองแก้มของหญิงชายไม่เกี่ยงอายุไม่เกี่ยวชาติพันธุ์เอ่อท้นพรั่งพรูด้วยความอาลัย เรียกได้ว่าเป็นความโศกาอาดูรที่คนไทยจะไม่มีวันลืมไปตลอดกาล

 

 

ทำไมในหลวงรัชกาลที่ 9 ถึงสถิตอยู่ในใจของเราได้เช่นนี้ ผมตั้งคำถามกับตัวเองในเวลาอันหมองหม่น นิ่งคิดก่อนได้คำตอบเรียบง่ายว่า

  “เพราะเราได้เห็นภาพการทรงงานอันหนักหน่วงบุกป่าฝ่าดงเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่พวกเราซึ่งเป็นประชาชนของพระองค์มาตลอดระยะเวลาการครองสิริราชสมบัติอันยาวนาน” นั่นเอง ภาพที่ว่าและหลักการทรงงานของพระองค์นี้เปี่ยมด้วยพลัง สร้างแรงบันดาลใจให้เรายึดเป็นแบบอย่างได้อย่างดีเลยครับ

และ หนึ่งในหลักการทรงงานส่วนพระองค์ที่ผมเทิดทูนมากที่สุดนั่นก็คือ แนวคิดที่เรียกว่า ‘ราชประชาสมาสัย’ อันแปลความหมายได้ว่า “พระมหากษัตริย์และประชาชนย่อมอาศัยซึ่งกันและกัน”

   

 

ที่มาของแนวคิดดังกล่าวมาจากปัญหาความทุกข์ยากของพสกนิกรที่ได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของโรคเรื้อนในปีพุทธศักราช 2500 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเสด็จเยี่ยมราษฎรในภาคต่าง ๆ ทรงทอดพระเนตรเห็นถึงความทุกข์ยากของผู้ป่วยที่สังคมรังเกียจ จึงมีพระราชดำรัสขจัดโรคเรื้อนให้หมดจากประเทศไทย

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานเงินทุนอานันทมหิดลแก่กระทรวงสาธารณสุขเป็นทุนแรกเริ่มโครงการควบคุมโรคเรื้อน รวมถึงการสร้างสถานศึกษาวิจัยโรคเรื้อนขึ้นในประเทศไทย เมื่อประชาทุกภาคส่วนได้รับรู้พระราชปณิธานดังกล่าวของพระองค์ จึงร่วมมือกันสร้างโครงการต่าง ๆ เพื่อหาเงินสมทบทุน ได้เงินเป็นจำนวนมากในการสร้างโครงการและอาคารจนเสร็จสิ้น โดยพระองค์ได้พระราชทานนามสถาบันแห่งนี้ว่า ‘ราชประชาสมาสัย’ อันบ่งบอกถึงความปรองดองอย่างแน่นแฟ้น ช่วยเหลือเกื้อกูลระหว่างพระราชากับประชาชนนั่นเอง

เหตุที่เรื่องนี้ทำให้ผมปลาบปลื้มใจนั่นเป็นเพราะผู้ยิ่งใหญ่อย่างบรมกษัตริย์ทรงโน้มตัวลงมาขอร่วมปรองดองเป็นส่วนหนึ่งกับพสกนิกร แล้วเราในฐานะที่เป็นประชากรร่วมกันของประเทศทำไมถึงจะไม่ปรองดองกันล่ะครับ

ในช่วงเวลาที่ผ่านมากว่า 1 ทศวรรษ ทุกคนต่างรู้ว่าประเทศไทยนั้นตกหล่มอยู่ในวังวนของความขัดแย้งที่หาทางออกไม่ได้ การหันหน้ามาร่วมมือแสวงหาจุดร่วมสงวนจุดต่างนี้จะเป็นกลไกในการสร้างพลังให้ประเทศไทยในวันที่ถูกท้าทายจากทั้งวิกฤติภายนอกและภายในได้อย่างมาก ทั้งยังสามารถสร้างสังคมที่มีวุฒิภาวะทางปัญญาให้เกิดแก่ประเทศไทยในอนาคตอีกด้วย นั่นคือหลักใหญ่ใจความที่เกิดขึ้นภายใต้หลักการราชประชาสมาสัยที่พระองค์ได้ทรงสร้างขึ้น ให้คนไทยอย่างเราได้ยึดถือปฏิบัตินั่นเองครับ

 

บุญเอก อรุณเลิศสันติ

บรรณาธิการ

นิตยสาร MKT Event

mkteventmag
No Comments

Post a Comment