Top

D-63 : We are The Specialist

D-63 : We are The Specialist

D-63 : We are The Specialist

 

ชื่อเสียงของ บริษัท ดี ซิกซ์ตี้ ทรี จำกัด (D-63) ที่คนในอุตสาหกรรมอีเว้นท์รวมถึงลูกค้าแบรนด์สินค้าชื่อดังรู้จักกันเป็นอย่างดีก็คือ ออแกไนเซอร์ระดับมืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญด้านการเป็น Creative Designer และ Production Designer สร้างสรรค์ออกมาเป็นงานอีเว้นท์เชิงพาณิชย์ งานเอ็กซิบิชั่น งานแสดงด้านโปรดักชั่นทั้งคอนเสิร์ตและละครเวทีมากมาย ด้วยการผสานแนวคิดเชิงการออกแบบเข้ากับนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและการทำงานอย่างมืออาชีพจนนำเสนอออกมาเป็นสัมผัสทางความรู้สึกที่น่าตื่นตา สามารถดึงดูดให้คนเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งได้ในทุกงานที่ D-63 สร้างขึ้น

MKT Event จึงอยากพาคุณผู้อ่านมาสัมผัสตัวตนและวิธีคิดวิธีสร้างงานของออแกไนเซอร์แห่งนี้ ผ่านคำบอกเล่าของ ศุภลักษ์ สุวัติถิ Managing Director สาวผู้อยู่เบื้องความสำเร็จในทุกงาน

 

จุดเริ่มต้นของ D-63

เราเริ่มต้นธุรกิจมา 24 ปีเต็ม ในช่วงต้นเราโฟกัสทำเรื่อง Stage & Scenic Decoration เหมือนเป็นซัพพลายเออร์และเป็น Specialist ทางด้านนี้ ในงานพีอาร์ งานคอนเสิร์ต งานออกแบบเวที ทำโรงละคร ซึ่งเป็นงานเทิร์นคีย์ ทำให้ในช่วงแรกลูกค้าเราเป็นต่างชาติเยอะกว่าลูกค้าไทย ซึ่งจะยังไม่ใช่เจ้าของสินค้า ไม่ใช่เจ้าของแบรนด์ ส่วนใหญ่จะเป็น Technical Director ของคนทำคอนเสิร์ตที่มาทัวร์จากต่างประเทศ หรือเป็น Production Director ของบริษัท ทำการประชุมจากเมืองนอกมาหา Outsource ที่เป็น Specialist ในเมืองไทย เราก็จะรับงานด้านนี้

 

ขยายสู่ธุรกิจอีเว้นท์เต็มตัวในเฟส 2

หลังจากที่เราทำงานซัพพลายเออร์ด้านโปรดักชั่น จนด้านการผลิตแข็งแรงแล้ว ลูกค้าไทยก็เริ่มเยอะขึ้น ช่วงนั้นจะมีลูกค้าแนะนำบอกต่อกัน เป็นลูกค้าจากฮ่องกง จากอังกฤษ ก็จะแนะนำให้กับแบรนด์สินค้าของไทยเองที่เขาจะจ้างต่อ ก็เริ่มทำให้ D63 เป็นที่รู้จักกับลูกค้าและแบรนด์สินค้า ก็เลยได้รับงานต่อเนื่องมาเรื่อย ๆ เป็นเฟสต่อมาในการเปิดธุรกิจอีเว้นท์อย่างจริงจังจนถึงวันนี้

 D632

 

ดีเอ็นเอในความเป็น Designer

ถ้าจะให้ระบุถึงตัวตนของ D63 ก็คือบริษัทที่ทำงานในด้าน Creative Designer และ Production Designer มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้ เป็นจุดแข็งสำคัญที่ทำให้เอเจนซี่หรือลูกค้ามองเห็นเราแล้วอยากใช้เรา ยิ่งในช่วงแรก ๆ ของการสร้างบริษัท บุคลากรของเราเป็นนักออกแบบหมดเลย มีทั้งสถาปนิกนี้ มีทั้ง Industrial Designer และ Graphic Designer  เหมือนเราเริ่มต้นมาจากกลุ่มคนแบบนี้ ซึ่งในส่วนของ Marketing, AE, Creative, Designer หรือคนทำ Operation Production ก็มาจากสายใกล้เคียงกัน มันเหมือนกับเป็นข้อแตกต่างจากคนอื่นที่ทำให้ลูกค้าค่อนข้างเห็นตัวตนที่เราเป็นได้ชัดเจน

 

สร้างความต่างอย่างสร้างสรรค์คืองานของเรา

เซ็กเมนต์ลูกค้าของ D-63 ส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์ที่ลูกค้ามองหาความเปลี่ยนแปลงแบบแตกต่าง ยกตัวอย่าง ถ้าเป็นแบรนด์รถที่เราทำงานให้ เช่น Mazda, Lexus, Kawasaki หรือ Ducati เป็นต้น รวมถึงสินค้าที่มีดีไซน์ เช่น กล้องถ่ายรูป และอื่น ๆ ลูกค้าในกลุ่ม Corporate เช่นกลุ่มธนาคารก็มาใช้งานเราเยอะมากขึ้น ถ้าให้อธิบายแบบเข้าใจง่าย ๆ คือเป็นแบรนด์ที่ต้องการสร้างความแตกต่าง ให้สิ่งที่ถูก Differentiate นี้สามารถแสดงตัวตนของสินค้าได้อย่างชัดเจน และตัวตนที่ชัดเจนนี้สามารถสร้างการมีส่วนร่วม หรือสามารถเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น หรือทำให้สามารถใช้ชีวิตได้สมาร์ทมากขึ้น ถ้าลูกค้ามีเคมีแบบนี้ เขาก็จะมองเห็นเรา แล้วเขาก็จะจ้างเราให้ทำงานอีเว้นท์ให้

 

โนว์ฮาวการสร้างงานอีเว้นท์เพื่อลูกค้ากลุ่ม Product Design

D63 คือบริษัทอีเว้นท์ที่ไม่ได้ขายเบียร์เก่ง เพราะบริษัทเรามีหลักว่าไม่รับทำงานที่เกี่ยวกับเหล้า ไม่รับงานขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เราไม่ได้เก่งทำงานเรื่องขายสินค้าเฉพาะทาง และเราไม่ได้เป็นออแกไนเซอร์ที่ทำแจกรางวัลขายตรง MLM เก่งที่สุดในประเทศไทย แต่เรามีโนว์ฮาวที่รู้ว่า ถ้าเขาต้องการที่จะพูดกับกลุ่มเป้าหมายของเขาผ่านการจัดงานอีเว้นท์ทุกรูปแบบ เราสามารถรู้ได้ว่าเขาควรจะจัดแบบไหนและใช้เครื่องมือใดมาสร้าง Touch Point ที่มีประสิทธิภาพได้มากที่สุด เราเข้าใจเรื่อง Target Inside รู้ว่าทำอย่างไรให้จับใจและโดนใจคนที่จะมาซื้อของ ทำให้ลูกค้าวินได้มากที่สุด และเราก็วินด้วยในแง่ของการเป็นผู้จัดงาน

 

ความถนัดของสเกลงานที่ D-63 รับ

ขนาดสเกลงานที่ถนัดของ D-63 เป็นระดับกลาง ๆ มันจะไม่โฉ่งฉ่าง มีส่วนประกอบของการใช้แนวคิดการออกแบบเข้ามาประกอบในเนื้องานค่อนข้างมาก ไม่ใช่เมกะอีเว้นท์ที่มวลมหาประชาชนต้องนั่งรถแห่กันมาชม หรือเป็นงานที่ใช้เทคนิคเยอะ ๆ เราจะไม่ได้ทำงานสเกลนั้น สิ่งที่เราทำสามารถตอบโจทย์ความต้องการของแบรนด์สินค้า และคนร่วมงานที่อยู่เซกเมนต์นี้ คนในกลุ่มนี้รับรู้และโดนใจงานที่เราทำมากกว่า

 

3D Printer อีกขั้นของเทคโนโลยีการสร้างงาน

อย่างที่บอกว่า D63 เราเป็นบริษัทด้านงานออกแบบ ตอนนี้เทคโนโลยีที่ถือว่ามีความสำคัญกับงานเรา คือเทคโนโลยี 3D Printer เอาไว้ใช้เพื่อแยกแบบ คือบางคนก็จะทำโมเดลเพื่อพรีเซนต์ลูกค้า แต่เราใช้ 3D Printer มาสร้างแบบเวทีเพราะมันเสมือนจริงมาก ได้สเกลที่แม่นยำ เราจะรู้ได้ทันทีเลยว่าจุดมันอยู่ตรงไหน โครงสร้างโค้งรับได้อย่างไร แล้วเมื่อได้แบบที่แน่นอนก็ส่งให้วิศวกรคำนวณอีกทีว่าจะตัดชิ้นประกอบยังไง เพื่อจะให้ขึ้นรถบรรทุกพอดี แล้วการยกเราต้องยกตรงจุดเชื่อม (Joint) ตรงไหนเพื่อลดความเสียหาย และช่วยประหยัดเวลาในการสร้างงานโครงสร้าง รวมถึงได้แบบเวทีที่ทำได้จริง ประหยัดเงิน ประหยัดเวลา ลดความผิดพลาดในกระบวนการทำงาน

 

มุมมองการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างงานอีเว้นท์

การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาสร้างความโดดเด่นให้กับงานอีเว้นท์ จุดสำคัญที่สุดมันคือการอัพเดทเรื่องของไลฟ์สไตล์ที่สอดคล้องลงตัวกับเรื่องเทคนิคคัล ถ้าอยู่ในวงการมาร์เกตติ้ง คุณต้องอัพเดท ต้องรู้ว่าอะไรมันจะมาในอนาคต อะไรเป็นเทรนด์ที่ต้องติดตาม อะไรกำลังจะไป หรือเทคโนโลยีใดที่แมตช์กับเรื่องงบประมาณและความต้องการของลูกค้า ทั้งหมดที่พูดมามันเป็นเรื่องที่ต้องใช้หลายส่วนมาประกอบกัน ในมุมมองของพี่เทคโนโลยีมันมาแล้วมันก็ไป แต่อะไรล่ะที่เป็นแก่นวิธีคิด (Essential) ของการใช้ มันคืออะไรมากกว่า

 

วิธีคิดการสร้าง Sense of Emotion แบบ D-63

คิดว่า Content สำคัญที่สุดในการสร้าง Sense of Emotion ของงานอีเว้นท์ ถ้าเราพูดถึงอีเว้นท์มันมีได้หลากหลาย ทั้งเอ็กซิบิชั่น คอนเสิร์ต และงานเปิดตัวสินค้า แต่ Content ที่บริษัทเราทำอย่างเช่น ละครเวที เราทำ Production Design กับดูเรื่อง Art Direction ให้กับละครเวทีสุนทราภรณ์มา 5 ปีแล้ว คือในความเข้าใจของคนทั่วไปเพลงสุนทราภรณ์นี่ดูแก่ใช่ไหม เป็นละครที่คนแก่ดู คนแก่ฟัง ซึ่งเห็นแบบนี้เราก็เอามาทำในรูปแบบใหม่ (ตัวเพลงกับบทเป็น JSL ทำ) เราซัพพอร์ตทางด้านที่เราถนัด คือ Design Art Direction วิธีการ Production Design วิธีการทำ Theatrical Production อันนี้มันไม่ได้ใช้ความอลังการใหญ่โต แต่มันต้องมีกิมมิค มีความร่วมสมัยเพิ่มเข้ามา เพราะละครเพลงสุนทราภรณ์ไม่ได้พูดกับคนเดิม เขาพูดกับคนที่เป็น Prospect รุ่นใหม่ด้วย

 

แผนงานในอนาคตเพื่อรักษามาตรฐานความเป็น Specialist 

Action Plan ต่อไป แรกสุดเลยที่เราโฟกัสคือเรื่องงานด้าน Production ที่เราเก่ง ตรงนี้ทาง D63 จึงจำเป็นจะต้องลงทุนเรื่องของเครื่องไม้เครื่องมือให้ทันสมัย เหมือนกับที่เราลงทุนกับเครื่อง 3D Printer รวมถึงเครื่องมือที่คนทำงานอีเว้นท์ในต่างประเทศใช้ให้มีมาตรฐานเดียวกัน อีกส่วนหนึ่งคือเราต้องรักษาความ Specialist ของเราไว้อย่างดีที่สุดด้วยการรักษามาตรฐานและคุณภาพ รวมถึงการมองเรื่อง Internal Focus เพราะเรามีคนเป็นสินทรัพย์ (Assets) สำคัญ ดังนั้นเราจึงต้องสร้างระบบที่สามารถสนับสนุนการทำงานแบบใหม่ของคนรุ่นใหม่ในอนาคต สร้างเป็นกระบวนการทำงานที่เหมาะสมเพื่อสร้างงานที่ดีที่สุดต่อไป

mkteventmag
No Comments

Post a Comment