Food Trucks รักษ์โลก
ถ้าพูดเรื่อง ‘Food Trucks’ ตอนนี้ คนอาจจะบอกว่าเชยไปซะแล้ว เพราะรถขายอาหารพวกนี้มีให้เห็นในเมืองไทยเรามาสักพักใหญ่แล้ว ย้อนกลับไปที่อเมริกาซึ่งเป็นต้นตำรับฟู้ดทรัคที่ตอนนี้มีรถขายอาหารแล่นอยู่นับหลายล้านคัน
ด้วยความที่มันเป็นเทรนด์ฮิตติดลมบนแบบไม่มีวันเลิกรานี้เอง ทำให้จำนวนของรถอาหารเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อย ๆ โลกของฟู้ดทรัคจึงไม่ได้หยุดนิ่งแค่การประดิษฐ์คิดค้นรูปแบบการแต่งรถให้สวยงามโดดเด่น หรือคิดหาวิธีทำอาหารให้โดนใจคนกินอีกแล้ว แต่มันหมายถึงการสร้างนวัตกรรมฟู้ดทรัคเพื่อดูแลสิ่งแวดล้อมต่างหาก!
หลังจากที่ฟู้ดทรัคออกมาโลดแล่นบนท้องถนนและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้ร้านอาหาร คาเฟ่ต่าง ๆ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่อย่างมหานครนิวยอร์กเริ่มออกมาต่อต้าน รวมทั้งมีผู้คัดค้านและแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไป บ้างก็ตั้งคำถามว่า
“รถขายอาหารเหล่านี้สร้างมลพิษมากกว่าร้านอาหารที่ตั้งอยู่เฉย ๆ หรือเปล่า”
เป็นธรรมดาที่เมื่อมีคนไม่ชอบก็ต้องมีคนที่ชอบเช่นกัน ซึ่งแน่นอนเหล่าคนรักฟู้ดทรัคก็ออกมาปกป้องและแสดงความเห็นว่า ฟู้ดทรัคมีข้อดีมากมาย ใช้พื้นที่น้อย จึงใช้พลังงานน้อย ทั้งในแง่ของเชื้อเพลิงในการหุงต้มที่น้อยกว่า การสร้างขยะก็น้อยกว่าเพราะสามารถตั้งเงื่อนไขให้ลูกค้านำภาชนะมาเองแล้วได้รับส่วนลด เป็นต้น
ในขณะที่ฝ่ายร้านอาหารออกมาตั้งแง่ว่า รถขายอาหารเหล่านี้ต้องใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงในการขับขี่วนรถหาที่จอด เป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรโดยใช่เหตุ
จากการสำรวจพบกว่าเจ้าของกิจการฟู้ดทรัคเสียค่าน้ำมันประมาณ 500 เหรียญดอลล่าร์สหรัฐฯ ต่อเดือน และในการขับขี่ฟู้ดทรัคประมาณ 10 ชั่วโมงต่อวัน ทำให้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากถึง 14 ล้านปอนด์ในทุก ๆ หนึ่งชั่วโมง
แต่ดูเหมือนคนรักฟู้ดทรัคจะมีมากกว่าคนต่อต้าน นิวยอร์กเกอร์ทั้งหลายจึงหาทางออกเพื่อกลบข้อด้อยของฟู้ดทรัคด้วยการวางแผนเปิดตัวโครงการนำร่อง ‘ฟู้ดทรัครักษ์โลก’ จำนวน 500 คันในฤดูร้อนปี 2559
ทั้งนี้ ฟู้ดทรัคจำนวน 500 คันนั้นจะติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ เพื่อนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ทดแทนพลังงานเชื้อเพลิง และยังติดตั้งระบบไฮบริดไปพร้อม ๆ กันด้วย
โครงการ “ฟู้ดทรัครักษ์โลก” ตั้งเป้าหมายว่าจะช่วยลดการใช้น้ำมันได้มากขึ้นถึง 60 เปอร์เซ็นต์ และหากทั่วทั้งประเทศอเมริกาหันมาใช้ฟู้ดทรัครักษ์โลกที่ว่านี้ จะช่วยลดปริมาณการเผาผลาญเชื้อเพลิงในชั้นบรรยากาศมากถึง 28 ล้านปอนด์ต่อหนึ่งชั่วโมงเลยทีเดียว ที่สำคัญยังช่วยเจ้าของกิจการฟู้ดทรัคลดต้นทุนได้มากถึง 20 เปอร์เซ็นต์อีกด้วย
ทั้งยังมีแนวโน้มที่น่ายินดีว่าในอีกห้าปีข้างหน้า บรรดาเจ้าของกิจการฟู้ดทรัคทั้งหลายจะเข้าร่วมโครงการฟู้ดทรัครักษ์โลกนี้เพื่อช่วยกันรณรงค์เรื่องการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมไม่เฉพาะแค่มหานครนิวยอร์กเท่านั้น แต่รวมทั้งทุกเมืองในอเมริกาเลยด้วย
คงไม่ใช่แค่บรรดาเจ้าของกิจการฟู้ดทรัคอย่างเดียวที่ควรใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม คงถึงเวลาที่เจ้าของรถยนต์ทุกคัน ร้านค้าทุกร้าน ต้องตอบตัวเองแล้วว่า จะช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างไรมากกว่า ในฐานะที่เราเป็นส่วนหนึ่งของสังคมบนโลกใบนี้
อ้างอิง http://www.environmentamerica.org,
http://www.restaurantcentral.ca,
http://www.citylab.com
Text : ฝนธรรม ผลภาค