คนล่าเมฆ
ชีวิตเรียบง่ายบ้างได้ไหม
บนรถเที่ยวกลับจากภักดีชุมพล ผมเปิดดูรูปจากกล้องถ่ายรูปทีละรูป ๆ แอบยิ้มอยู่คนเดียวเมื่อนึกถึงความสุขในเวลาสั้น ๆ 3 วันที่ผ่านมา ใครจะรู้ว่าภารกิจ “คนล่าเมฆ” จะอิ่มเอมขนาดนี้
รูปภาพป่าพร้อมกับประโยค “I need camping now!” ของผมอาละวาดอยู่ในโลกโซเชี่ยลมาพักใหญ่เป็นสัญญาณบอกถึงความอึดอัดในชีวิตรายวัน “ชีวิตคนเราต้องเดินทาง” ผมเชื่ออย่างนั้น การได้มองท้องฟ้ากว้างใหญ่คือความสุข…มากกว่านั่งจ้องจอเรืองแสง
“ฝนตกเมื่อคืน ถ้ามาพรุ่งนี้เธออาจจะได้กินแกงกบนะ” เพื่อนที่ภักดีชุมพลทักมา ผมตัดสินใจปั่นงานที่ค้างคาอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ พรุ่งนี้ผมจะถือกล้องออกเดินทาง
หลายปีมาแล้วได้เห็นเรื่องราวความเป็นไปของเพื่อนผ่านเฟซบุ๊คหลังจากที่ไม่เจอกันมากกว่า 10 ปี เรื่องราวครั้งนั้นคือเธอได้เริ่มเปิดที่พักเล็ก ๆ ชื่อ “บ้านต้นตาล” ที่ อ.ภักดีชุมพล จ.ชัยภูมิ พร้อม ๆ กับเรียนต่อเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์และการวิจัย ผมไม่แน่ใจชื่อสาขาวิชานักแต่เห็นเพื่อนเข้าไปเกี่ยวพันเรื่องราวแบบนั้นเสมอและที่สะดุดตาคือภาพ “โฮงหนังบ้านต้นตาล” ที่ประกาศตัวว่าเป็นโรงหนังชุมชนแห่งแรกของเมืองไทยตั้งอยู่กลางพื้นที่ มีเด็ก ๆ มานั่งดูหนังกันเป็นกลุ่มใหญ่
เมื่อรถทัวร์เริ่มเคลื่อนออกจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าชัยภูมิ รายการตลกในโทรทัศน์บนรถเริ่มเปิดฉาก เสียงหัวเราะดังทั้งคันรถแต่เสียงเริ่มแผ่วลงในมโนสำนึก ผมเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน การงานมันดึงเอาเรี่ยวแรงไปได้เยอะจริง ๆ รู้สึกตัวอีกทีภาพเมืองรายทางเล็กลงกว่าจุดเริ่มต้น ท้องฟ้าสีเข้มมีเมฆเป็นปุยบาง ๆ เกลี่ยอยู่ทั่ว สัญญาณความสุขได้เริ่มขึ้นแล้วเปิดโลกโซเชี่ยลดูความเป็นไปของโลก เรื่องราวของชนกลุ่มน้อยล่องเรือมากลางทะเลเร่ร่อนหาที่ทางของตนเองไม่เจอเป็นเรื่องใหญ่ของมนุษยชาติซึ่งหาทางออกได้ยากเย็น
มองไปนอกหน้าต่าง “คงแย่นะถ้าวันหนึ่งเรามองขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วไม่กล้าชี้ว่าเมฆก้อนไหนเป็นของเรา” แม้รู้ว่าเรามิอาจครอบครองแต่มีความสุขเสมอเวลากอดอกแล้วเอ่ยว่า “นี่ล่ะท้องฟ้าและก้อนเมฆบ้านผม…เราโชคดีแค่ไหนแล้ว”
รถจอดให้ผมลงที่สามแยกบ้านนาทุ่งใหญ่ซึ่งก็คือหน้าบ้านต้นตาลพอดี เห็นโฮงหนังที่คุ้นตาอยู่เคียงข้างต้นตาลไกลออกไป “เก็บข้าวของก่อนไหมหรือจะเดินเล่นก่อนแล้วค่อยมาทำแกงกบกัน” เพื่อนพูดเหมือนเราไม่ได้ห่างกันมาหลายปี ผมออกเดินสำรวจพื้นที่
บ้านต้นตาลของเพื่อนเป็นธุรกิจครอบครัวที่ “พออยู่ได้” เพราะจำนวนห้องพักมีไม่มาก ราคาก็ไม่ได้สูงแต่เป็นการตอบโจทย์ที่อยากใช้ชีวิตเรียบง่ายไม่ต้องเร่งรีบ คงคล้ายกับที่คนในเมืองหลายคนที่ออกจากงานประจำแล้วมาเปิดร้านกาแฟเล็ก ๆ ทำแบบที่ตนเองรัก บางทีความสงบเรียบง่ายก็หายากกว่าความร่ำรวยนะ…เชื่อไหม
“ปกติอ่อมจะใส่ผักชีลาวพอดีวันนี้ไม่มีเลยใส่ใบชะพลูเก็บจากข้างบ้านแทน เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” เพื่อนแกงอ่อมกบไปพูดให้ฟังไปตามคำขอของผมที่อยากได้สูตรไปทำกินเองบ้าง ผมฟังไปพลางตีไข่กับดอกอัญชันไปรอเตาว่างจะได้เจียวไข่อัญชันไว้ตัดเผ็ดอ่อมกบ เสร็จกับข้าว 3-4 อย่างก็ล้อมวงกินข้าวกัน ค่ำแรกของภักดีชุมพลช่างอบอุ่นดีเหลือ
“จะได้ไปนอนเต้นท์ไหมเนี่ยที่มอหินขาวฝนจะตกไหม” ผมเอ่ยถาม “ปกติมันร้อนน่ะสิ ถ้ามีฝนลงบ้างแล้วแบบนี้ข้างบนน่าจะสบาย ๆ นะ” ผมยิ้มอย่างมีความหวังถึงแม้ว่าดีใจที่ฝนพากบมาให้อิ่มอร่อยแต่ก็อยากตั้งแคมป์และ “ล่าเมฆ” ตามประสาคนหลงรักท้องฟ้าทั่วไปนั่นล่ะ วัน ๆ ก็ยกกล้องล่าภาพก้อนเมฆกันไปเรื่อย แต่ตามที่รู้ ๆ กันภาพฟ้าสีสดมีเมฆเป็นก้อน ๆ ลอยเต็มฟ้านั่นคือวันที่อากาศจะร้อนมาก เราช่างเป็นนักเดินทางที่มีความขัดแย้งสูงจริง ๆ อยากให้ฝนตกจะได้ไม่ร้อนแต่ก็อยากถ่ายรูปเมฆและกางเต้นท์นอน นี่ถ้าพรุ่งนี้ฝนตกหนักเป็นอันล่มหมดทุกสิ่งคงต้องหาเมนูกบกินต่ออีกวันแน่ ๆ
หลังอาหารเรามานั่งคุยกันที่โฮงหนังนั่งในที่นั่งซึ่งเคยมีเด็ก ๆ มาดูหนังกัน ครั้งหนึ่งโฮงหนังบ้านต้นตาลนี้อยู่ในโครงการวิจัยที่สนับสนุนโดยหอภาพยนตร์ เกี่ยวกับภาพยนตร์กับทัศนคติและพฤติกรรมของเด็ก ๆ อายุช่วง 9-12 ปีเป้าหมายอยากปรับวิธีคิดและการทำตัวของเด็ก ๆ ให้อยู่ร่วมกันอย่างมีเมตตาและมีเหตุผล เขาก็ให้เด็กดูหนังที่มีแง่คิดที่ดีหลายเรื่อง อย่างเช่น “โตโตโร่” แอนิเมชั่นชื่อดังที่อยู่ในดวงใจของหลายคนอิทธิพลของหนังทำให้เด็กมีการปรับตัว กล้าแสดงออกมีสัมพันธภาพที่ดีต่อกันมากขึ้น มีรอยยิ้มให้กันมากขึ้น
โครงการวิจัยจบลงไปแล้วโฮงหนังได้ฉายหนังอยู่บ้าง “ก็อยากจะฉายหนังที่นี่อีกอาจจะทำเป็นเทศกาลหรือสอนเด็ก ๆ ทำหนังไปเลยดีไหม” ผมยกมือเห็นด้วยเต็มตัว อิทธิพลของหนังและเสน่ห์ของชัยภูมิถ้ามารวมกันเชื่อว่ามีคนสนใจ นึกภาพว่าถ้ามี “เทศกาลหนังภักดีชุมพล” ผมคนหนึ่งล่ะที่จะมาร่วมงาน
ตะวันโด่งผมเพิ่งขยับตัวลงจากเตียงเป็นคืนที่นอนสบายหลังจากเครียดกับงานติดกันมาหลายคืน โผล่หน้ามองไปนอกหน้าต่างเห็นท้องฟ้าแล้วยิ้มได้ รีบจัดการตัวเองเพื่อออกไปเดินเก็บภาพเมฆรอบ ๆ บ้านต้นตาล เพื่อนผมเตรียมข้าวของขึ้นท้ายรถกระบะ หลัก ๆ เป็นอุปกรณ์การนอนและกระติกน้ำแข็ง ไม่ต้องแปลกใจมอหินขาวเป็นที่ท่องเที่ยวที่รถไปถึงไม่ต้องเดินแบกของไกล การ camping ครั้งนี้ก็นับว่าเบามาก ๆ แต่แค่ได้นอนเต้นท์ก็นับว่าบำบัดอารมณ์ผมได้แล้วล่ะ
“วันนี้เมฆสวย เดี๋ยวพาลัดเลาะไปเรื่อย ๆ ไม่รีบใช่ไหม” ไม่เลยอยากไปเรื่อย ๆ ใช้ชีวิตง่าย ๆ
เราออกเดินทางจาก อ.ภักดีชุมพลมุ่งหน้าไป อ.เมือง ระหว่างทางก็แวะตามที่ต่าง ๆ เพื่อเก็บเมฆเข้า memory card รวมทั้งดอกหญ้าข้างทางที่ไม่ว่าเห็นเป็นทุ่งที่ไหนเป็นต้องจอดรถกันทุกทีไป แต่ที่แวะนานสุดเห็นจะเป็นที่เขื่อนลำปะทาวเพื่อลิ้มรสปลาเผากับส้มตำรสแซ่บ
เราเอ้อระเหยจนเกือบเย็นจึงออกเดินทางต่อไปมอหินขาว เส้นทางสวยเสียจนผมอดเปรยไม่ได้ “น่าปั่นจักรยานนะ” ซึ่งตามนั้นจริง ๆ เส้นทางราว 40 กิโลเมตรจากตัวอำเภอเมืองไปมอหินขาวเป็นเส้นทางปั่นจักรยานของคนที่นี่ ระหว่างทางก็เห็นอยู่หลายคัน เส้นทางลาดยางเรียบสวยทอดยาวไปจนถึงบนมอหินขาวและยิงยาวไปถึงจุดสูงสุดที่ผาหัวนาค “เธอโชคดีมากเลยมันเพิ่งเสร็จไม่นานนี่เองเมื่อก่อนเป็นลูกรัง” เพื่อนพูดยิ้ม ๆ
แท่งหินชื่อดังทั้ง 5 แท่งของมอหินขาวในที่สุดก็อยู่ตรงหน้าแล้ว แท่งหินทรายต่างขนาดสูงราว 12 เมตร ยืนเรียงกันมานานประมาณ 175-195 ล้านปี พื้นที่ตรงนี้อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคา อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลราว 900 เมตร เพื่อนนักเดินทางที่หลงรักการถ่ายภาพดาวมักปักหมุดที่มอหินขาวไว้เป็นที่หนึ่งที่ต้องมา
เมฆกำลังสวยแม้จะล่วงเลยไปเกือบ 6 โมงเย็น พระอาทิตย์ยังอยู่สูงจากยอดเขา เราเก็บภาพเมฆและแท่งหินช้า ๆ เพราะต้องรอเวลาให้ครอบครัวนักปีนป่ายครอบครัวหนึ่งที่เดินข้ามรั้วที่เขาล้อมกันไม่ให้คนเข้าใกล้แท่งหินมาถ่ายรูปใกล้ ๆ ใกล้ถึงขั้นปีนไปบนแท่งหิน “พวกไม่เคารพสิทธิคนอื่น ขอให้ตกลงมากระดูกหัก” อยากจะเอ่ยปากแช่งแบบนั้น…ก็ใจไม่ถึง
ไม่เป็นไรเราตั้งกล้องรอจนกว่าจะว่างแล้วค่อยกดชัตเตอร์ก็ได้
“ร้านอาหารมีไหมวันนี้” ผมถามเพื่อน เธอบอกว่าวันธรรมดาไม่ใช่สุดสัปดาห์จะมีร้านเปิดอยู่ร้านหนึ่งเป็นปกติ โอเคสบายใจแล้วก็ขึ้นไปต่อที่ผาหัวนาค จุดสูงสุดที่เป็นที่ชมพระอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขาเมฆที่ลอยเต็มฟ้ากลับรวมเป็นแผ่นใหญ่บดบังแสงอาทิตย์และเห็นว่ามีฝนลงอยู่ที่ไกล ๆ “กะมาเก็บเมฆเก็บแสงท่าทางจะอดแล้วล่ะมั้ง จะโชคดีทั้งทีก็ไม่ถึงที่สุดนะ” เหมือนจะได้ยินความคิด เมฆค่อย ๆ เปิดให้แสงส่องลงมากระทบพื้นเป็นลำยาวเรารัวชัตเตอร์กันจนลืมเวลาว่าเย็นย่ำนักแล้ว
“ผมปั่นมาจากในเมืองครับ ปกติก็จะมาคนเดียวนี่ล่ะเพราะถ้ารอคนอื่นคงมาไม่ถึง” นักปั่นชัยภูมิเอ่ยขึ้นเมื่อผมเข้าไปทักทาย รู้สึกอิจฉาขึ้นมาอีกครั้ง ชีวิตช่างแสนดีมีเส้นทางปั่นมาดูพระอาทิตย์ตก “แต่นี่จะค่ำมืดแล้วพี่เขาต้องปั่นกลับอีก 40 กิโลเหรอเนี่ย” เขาปั่นอย่างคล่องแคล่วลงเขาไปแล้ว
กางเต้นท์เสร็จเวลาประมาณ 1 ทุ่มครึ่ง แสงกำลังจะหมด มองหาร้านค้าไม่มีเปิด “วันนี้คนขายมีธุระข้างล่าง” เจ้าหน้าที่บอกตอนที่เรานำแบตเตอรี่ไปขอชาร์ตที่สำนักงานเพราะมีเครื่องปั่นไฟอยู่ที่เดียวบนมอหินขาว เราคงต้องไปหาของกินข้างล่าง
ลงจากเขามาประมาณ 4-5 กิโลเมตรก็เจอร้านค้าแต่มีแต่ของสด เราจึงขอให้เขาต้มน้ำร้อนเพื่อต้มบะหมี่ถ้วยให้และซื้อปลากระป๋องกับเครื่องยำทั้งหลายขึ้นมาทำกินที่ลานกางเต้นท์ ชีวิตง่าย ๆ บ้างก็ได้
นึกถึงคำแนะนำของคนที่เคยมา บอกว่าจองบ้านพักนอนดี ๆ ที่อุทยานเห่งชาติน้ำตกตาดโตนก็ได้ ที่นั่นมีร้านอาหารและการจัดการสมบูรณ์กว่าเพราะตอนนี้มอหินขาวยังอยู่ในการพัฒนาเป็นที่ท่องเที่ยวแล้วค่อยขับรถมาถ่ายรูปที่มอหินขาวก็ไม่ได้ไกล แต่ทริปนี้มีความอยากนอนเต้นท์เป็นที่ตั้งเราจึงคิดแค่จะแวะพักผ่อนที่น้ำตกตาดโตนเท่านั้น
ระหว่างบทสนทนาในค่ำคืน ผมมองหาดาวบนท้องฟ้า วันนี้เมฆแผ่บดบังทุกสิ่งไม่เห็นทั้งดวงจันทร์และดวงดาว ลมพัดแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนเกรงว่าคืนนี้ฝนจะตกแต่จะลำบากอีกสักนิดก็คงไม่เป็นไรเพราะนี่ก็ถือเป็นการ camping ที่สบายมากแล้ว คืนนั้นลมพัดรอบเต้นท์ ผ้าใบเสียดสีตีกันไปมาคล้ายคนเดินอยู่รอบ ๆ คนขวัญอ่อนคงผวาไปแล้ว แต่พวกเราเข้านิทราได้อย่างง่ายดาย
ดอกหญ้าโบกไกวกลางแสงแดดอุ่นยามเช้า ผมลุกมาเดินดูความเป็นไปของโลก ความสงบและไม่ต้องเร่งรีบเหมือนวันทำงานในเมืองหลวงมันช่างเป็นสุข ร้านค้ากลับมาจากธุระตั้งหม้อดินต้มน้ำสำหรับชงกาแฟ เพื่อนคว้ากล้องไปเก็บภาพดอกหญ้าถึงรู้ว่าสิ่งเหล่านี้คือวันเดินทาง ไม่ใช่ชีวิตจริง แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าวันหนึ่งเรามาอยู่แบบนี้จริง ๆ จะเป็นอย่างไร
เมฆเป็นก้อน ๆ ลอยอยู่บนฟ้าสีเข้ม เราเงยหน้ามองฟ้าแล้วกล้าบอกว่า “นี่ล่ะท้องฟ้าบ้านฉัน” การเป็นคนล่าเมฆทำให้เรามีแรงใจได้อย่างไม่รู้ตัว “เดี๋ยวอีกสักพักฝนลงมากกว่านี้จะมีเห็ดออกเยอะเลย บางหมู่บ้านวางขายเหมือนเป็นเทศกาลเห็ดเลยจะมาลุยเก็บเห็ดอีกไหม” เพื่อนชวนเราก็ได้แต่บอกให้แจ้งข่าวด้วย ใจน่ะมาแล้ว เหลือแต่ตัวจะเคลียร์งานได้ไหม
ทำไมชีวิตคนเราต้องยากขนาดนั้น…ยังคงไม่เข้าใจ
อุทยานแห่งชาติภูแลนคาโทร. 044-810902 ถึง 3
บ้านต้นตาล จ.ชัยภูมิ www.facebook.com/baantontan.chaiyabhoom
Writer/Photo : ศรัณย์ เสมาทอง