Community Connect
ตลอด 25 ปีที่ผ่านมาในสายการทำงานด้านอีเว้นท์ สองไตรมาสแรกของปีนี้ดูเหมือนจะเป็นช่วงที่เงียบเหงาที่สุด ผู้คนที่มาร่วมในงานอีเว้นท์หลาย ๆ งานดูบางตา เบื้องหลังเท่าที่ดิฉันทราบมานนั้น ไม่ใช่เพราะเหตุที่ลูกค้าหรือผู้ผลิตไม่มีงบประมาณจัดงาน หากแต่เป็นเพราะผู้บริโภคมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป
พฤติกรรมที่ว่านั้น เป็นพฤติกรรมที่ไม่สามารถประเมินในภาพรวมเหมือนเช่นที่ผ่านมา ผู้บริโภคมีความเป็นกลุ่มเป็นสังคมมากขึ้น กลุ่มคนที่มีความคิดความอ่านเหมือนกันก็จะรับสาร ส่งสาร และสื่อสารในรูปแบบเดียวกัน ดังนั้นการจะสื่อสารให้ผู้บริโภคในแต่ละกลุ่มเข้าใจได้นั้นก็ต้องใช้ความเข้าใจ การวิเคราะห์ การสร้างสรรค์ เพื่อให้เข้าถึงและเชื่อมโยงสู่กลุ่มคนนั้น ๆ ได้
ในบทบาทของการเป็นกลุ่ม (Community) จะมีการสร้างพลังอำนาจในการชักชวนให้สมาชิกของกลุ่มมีทิศทางและแนวคิดไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งในปัจจุบันไม่ได้แบ่งแยกผู้นำและผู้ตามอีกต่อไปทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันในการเป็นผู้นำและผู้ตามใครสามารถสร้างแรงจูงใจบนแนวคิดที่แตกต่างได้มากกว่า ผู้นั้นก็จะกลายเป็นผู้นำกลุ่ม
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสถานะนั้นจะคงอยู่ตลอดไป ภาวะผู้นำก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาตามภาวะทางสังคมที่เปลี่ยนไปเช่นกัน
“สังคมแห่งการเชื่อมต่อ” (Community Connect) จึงเป็นสังคมรูปแบบใหม่ที่เราต้องหันมาใส่ใจเป็นพิเศษ ต้องวิเคราะห์และทำความเข้าใจให้มากขึ้นไม่เว้นแม้กระทั่งตัวเรา ที่อาจจะต้องลองหยุดนิ่งแล้วพิจารณาว่าเราอยู่ในกลุ่มคนแบบไหน มีพฤติกรรมอย่างไร สนใจกระแสสังคมแนวไหน และใช้เวลากับอะไรบ้างใน 1 วัน ซึ่งน่าจะทำให้เราพอรู้ว่า เราจะเลือกอยู่กับสังคมแบบไหน อย่างไร
เหล่านี้ล้วนเป็นคำถามที่เราต้องลองถามตัวเองและถามคนรอบข้างในสังคมเพื่อเรียนรู้ทิศทางและแนวทางแห่งสังคมนั้น ๆ
เมื่อพฤติกรรมที่หลากหลายได้กลายเป็นแนวทางของคนรุ่นใหม่ในสังคมไทยปัจจุบัน หลากหลายกลุ่มกำหนดแนวทางเป็นของตัวเอง และสามารถสร้างจนกลายเป็นกระแสสังคมขึ้นมาได้ จึงไม่น่าแปลกใจที่สังคมไทยจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
กลุ่มคนถูกแบ่งและเชื่อมต่อกันโดยอัตโนมัติด้วยข้อมูลที่สื่อสารถึงกันในแต่ละช่องทาง แบบที่คนในยุคดั้งเดิมไม่เคยคาดคิด ความถูกต้องและความจริงจะกลายเป็นแกนหลักสำคัญแห่งการดำรงอยู่ กลยุทธ์ตามคัมภีร์การตลาดหลากหลายวิธีจะถูกนำมาใช้กับพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันมากขึ้น และการทดสอบแบบไม่รู้ตัวจะเกิดขึ้นซำ้แล้วซำ้เล่ากับผู้คนในสังคม
มาถึงจุดนี้…ถ้ามองเห็นโดยกระจ่าง จะพบว่า “ความรู้” เป็นสิ่งที่จำเป็น โดยมีความจริงและคุณภาพเป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนดผลลัพธ์ เชื่อว่าในสองไตรมาสต่อไปนับจากนี้ ถ้านักการตลาดตั้งใจจัดกิจกรรมเพื่อกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มด้วยการวิเคราะห์อย่างตรงประเด็น การแข่งขันด้วยกลไกแห่งการเรียนรู้ก็จะเริ่มต้นอีกครั้ง