ครูอ๊อฟ วิทยากรนอกกรอบ
ในทุกวันนี้ไม่ว่าเราจะหันไปทางไหน ก็จะพบกับการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ เสมอ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าใหม่ ๆ ที่ทยอยออกสู่ตลาดเพื่อหวังให้ผู้บริโภคได้รับอะไรที่ใหม่และแตกต่างไปจากเดิม หรือจะเป็นวิธีการที่จะนำตัวเองออกมาจากโลกมนุษย์เงินเดือน เพื่อให้ได้ชื่อว่าตนเองมีอิสระทางการเงินตามกระแสของโลกทุนนิยมในปัจจุบัน ที่นับวันจะเริ่มคืบคลานเข้ามาใกล้ตัวเราแบบชนิดที่เรียกว่า หายใจรดต้นคอกันเลยทีเดียว
หลายองค์กรเริ่มปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อให้ตนเองเท่าทันธุรกิจที่มีวงล้อหมุนเร็วตามกระแสโลก จนในบางครั้งก็หมุนวงล้อกันเองภายในเร็วจนคนในองค์กรปรับตัวกันแทบไม่ทัน จนลืมไปว่าที่ธุรกิจสามารถเคลื่อนที่เดินไปข้างหน้าได้นั้น เพราะทุกคนในองค์กรต่างเกื้อกูลกันและกัน ในทางกลับกันหลาย ๆ องค์กรกลับพยายามที่จะตัดขาดระบบความสัมพันธ์ของพนักงานกับเรื่องส่วนตัวให้เป็นคนละเรื่องกัน ทั้ง ๆ ที่รับรู้กันอยู่แล้วว่าในชีวิตจริงนั้นมันทำได้ยากมาก เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะคนในองค์กรส่วนใหญ่มักจะนำเรื่องส่วนตัวของตนเองเข้ามามีเอี่ยวกับเรื่องงานอยู่ร่ำไป
ตัวเราเองในฐานะที่เป็นพนักงานขององค์กรก็ควรที่จะเรียนรู้ที่จะเข้าใจตัวเองให้ถ่องแท้ด้วยว่า เหตุผลที่เรานำเรื่องส่วนตัวมาเอี่ยวกับงานด้วยในทุกครั้งเพราะ “เรามีคนข้างหลัง” ไม่ว่าจะเป็น พ่อแม่ของเรา ลูกของเรา สามีของเรา ภรรยาของเรา คนเหล่านี้ที่ทำให้เรามีแรงกายแรงใจในการที่จะทำงานเพื่อพวกเขา เมื่อเรารู้เช่นนี้แล้วเราก็ควรมาสแกนการกระทำเล็ก ๆของตัวเราได้ว่า เราทำอะไรที่เป็นเนื้อแท้ ๆ เพื่อพวกเขาบ้าง อาทิ
1. ในหนึ่งวัน 8 ชั่วโมงที่เราทำงานในองค์กร จริง ๆ แล้วตัวเราเองทำงานกี่ชั่วโมงกันแน่ ดังนั้นถ้ามีเรื่องเร่งด่วนหรือต้องทำงานนอกเวลางานจริง ๆ ตัวเราเองก็ไม่ควรบ่นหรือโวยวาย เพราะบางครั้งในเวลางาน เราก็นั่งทาเล็บ แต่งหน้า เม้าท์มอยเรื่องคนอื่น เล่นเกมส์ออนไลน์ และอีกหลากหลาย
2. วางแผนการทำงานจากที่บ้านบ้าง เพราะในเวลางานจริง ๆ พอไปถามดูก็ไม่ค่อยได้วางแผนกัน ส่วนใหญ่จะวางแผนไปเที่ยว วางแผนไปใช้เงินเสียมากกว่า ถ้าไม่เชื่อลองถามตัวเองดูว่าพอถึงวันศุกร์คุณทำอะไรกัน
3. ตัวเราอยากได้สวัสดิการมากขึ้น เงินเดือนมากขึ้น โบนัสมากขึ้น วันหยุดมากขึ้น แต่ผลงานในการทำงานของเราเท่าเดิม ลองคิดกันดูสิว่ามันสมเหตุสมผลไหม ที่ไม่ต้องทำงานเพิ่มขึ้นแต่ได้เงินเพิ่มขึ้นทุกปี
4. ส่วนตัวผู้บริหารเองก็เหมือนกัน จะมามัวงก ๆ เค็ม ๆ กับพนักงานไม่ได้ ต้องรู้จักวิธีการสร้างขวัญและกำลังใจให้พนักงานของตัวเองด้วย ต้องเข้าใจเรื่องปากท้อง ความเป็นอยู่ของพนักงานด้วย อย่าละเลยเรื่องเหล่านี้ ดูว่าเรามีคนคอยชี้แนวทาง สร้างแนวคิด คอยรับฟังสารทุกข์สุกดิบของพนักงานบ้างหรือเปล่า ในยามที่เขาเหนื่อยล้าจากปัญหาต่าง ๆ
สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้มันเป็นส่วนผสมที่สำคัญไปไม่น้อยกว่าการพยายามพัฒนาระบบการทำงาน สินค้า หรือการบริการขององค์กร เพราะเรื่องของ “คน” เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและสำคัญไปไม่น้อยกว่าเรื่องอื่น
เวลาถามทุกคนในองค์กรโดยเฉพาะผู้บริหารว่า “อะไรคือสิ่งที่สำคัญมากที่สุดในองค์กร” ผู้บริหารและคนส่วนใหญ่ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “คน” แต่เชื่อไหมครับว่า “คน” อีกนั้นแหละที่ผู้บริหารและองค์กรส่วนใหญ่ ลืมพัฒนาหรือใส่ใจและทิ้งไว้เป็นลำดับสุดท้ายที่จะทำ
ดังนั้นไม่ว่าโลกภายนอกจะเปลี่ยนแปลงมากมายสักเท่าไหร่ก็ตาม แต่ “องค์กร” และ “คน” และตัวของเราเองมันจะต้องสามารถสร้าง “สมดุล” ให้เกิดขึ้นให้ได้ เพราะสรรพสิ่งทั้งหลายต่างเกื้อกูลกันและกัน ถึงแม้จะมีความแตกต่างกันบ้าง แต่มันก็จะสามารถผสานความต่างนั้นได้อย่างลงตัว เพราะเราเข้าใจตัวเรา และ เข้าใจผู้อื่น…ได้อย่างถ่องแท้